เรื่องสั้นย้งยี้ตอนพิเศษ
เช้าอันสดใสของวันศุกร์ย้งยี้สาวน้อยวัย 16 ปีเธอผมสีน้ำตาลแดงยาวถึงหัวไหล่สวมแว่นตากรอบสีชมพูดวงตาของเธอนั้นมีสองสีนั่นคือสีเขียวด้านซ้ายสีน้ำตาลด้านขวา ออกมาวิ่งที่ชายหาดหน้าบ้านของเธอตั้งแต่ตื่นนอนตอนเช้า ระหว่างทางย้งยี้ก็ทักทายลุงๆ ป้าๆ ที่กำลังขนหมึกปลาขึ้นจากเรือซึ่งเป็นสิ่งที่พบเห็นได้เป็นประจำของหมู่บ้านชาวประมงเล็กๆ ในอำเภอบางสะพานจังหวัดประจวบ
“เฮ้อ...” ย้งยี้วิ่งมาถึงบ้านด้วยท่าทางเหนื่อยหอบ
“ไง” หญิงสาวร่างเล็กผมสั้นหน้าม้าสีดำเดินท่าทางงัวเงียออกมาจากบ้าน ในปากของเธอยังคาบแปรงสีฟันอยู่ หญิงสาวคนนี้ชื่อลูกปลาน้อย
“ตื่นได้แล้วยายเตี้ย” ย้งยี้ตีหัวเพื่อนสาวตัวเล็กกว่าเธอก่อนจะเดินไป
“เจ็บนะยายสี่ตา” ลูกปลาน้อยด่าตามหลังย้งยี้
“รีบไปอาบน้ำเดี๋ยววันนี้ทำเมนูพิเศษให้กิน” เสียงของหญิงสาวหน้าตาเรียวสวยผมยาวสีน้ำตาลมัดเป็นหางม้าร่างสูงเกือบ 180 ซม. ชื่อฟ้าบอกกับเพื่อนทั้งสองคนจากในครัว
“ค่าคุณแม่ จะไปเดี๋ยวนี้ละค่ะ” ย้งยี้กับลูกปลาน้อยตะโกนออกไปด้วยนำเสียงยียวน
ทั้งสามสาวนั้นอาศัยอยู่บ้านหลังเดียวกัน หลังจากที่ย้งยี้ย้ายกลับมาอยู่ที่บ้านเกิดตามที่ให้สัญญากับเพื่อนทั้งสองคนในสมัยเด็ก โดยทั้งสามคนนั้นได้แยกกันอยู่คนละห้อง ที่เมื่อก่อนนั้นเคยเป็นบ้านของพ่อแม่ย้งยี้แต่ตอนนี้เธอคือเจ้าของและได้เรียกเพื่อนทั้งสองคนมาอยู่ด้วยกัน
“ข้าวเสร็จแล้ว” ฟ้าตะโกนเรียกย้งยี้กับลูกปลาน้อยให้มาที่โต๊ะอาหารในครัว
“แกวันนี้โรงเรียนหยุดอีกแล้ว ข่าวว่าที่กรุงเทพมีโรคโค 19 ระบาดทางพ่อแม่ผู้ปกครองเลยไม่ให้ลูกๆ ไปโรงเรียนกัน” ย้งยี้เดินอ่านข่าวจากโทรศัพท์มือถือทั้งที่อยู่ในชุดนักเรียนแล้ว
“เย้ แบบนี้ก็ได้นอนอยู่บ้านสบายใจแล้ว” ลูกปลาน้อยที่เพิ่งเดินมาได้ยินรีบกลับไปเปลี่ยนเป็นชุดธรรมดาแทนชุดนักเรียน
“ทีแบบนี้ระเร็วเชียวนะยายเตี้ย” ย้งยี้บ่นดังๆ
“หยุดอยู่บ้านอีกแล้วช่วงนี้หยุดบ่อยเกินไปแล้ว ถึงจะให้เรียนทบทวนเองที่บ้านก็เถอะ ตอนนี้ก็ทบทวนเรียนเองจนไม่รู้จะเรียนอะไรแล้ว” ฟ้าบ่นออกมาเบาๆ
“แต่อย่างน้อยก็มีบางคนชอบ” ย้งยี้ใช้นิ้วโป้งชี้ไปทางลูกปลาน้อยที่กำลังมีความสุขกระโดดไปมาอยู่ข้างหลังย้งยี้
“ไหนๆ ก็หยุดแล้วเราไปหาอะไรทำกันดีกว่าไหม” ฟ้ายิ้มออกมาเมื่อคิดอะไรดีๆ ออก
“แต่เขาห้ามเราไปไหนไม่ใช่หรอ” ย้งยี้จิ้มไส้กรอกบนจานด้วยท่าทางเบื่อหน่าย ก่อนจะเอามันเข้าปากแล้วเคี้ยวอย่างไม่เต็มใจ “แต่ถ้าไปที่ที่ไม่มีคนอย่างเที่ยวป่าก็คงได้หรอกนะ” ย้งยี้พูดขึ้นมา
“ก็ดีนะเที่ยวป่าไม่เจอคน แบบที่พวกเราไปเข้าค่ายสมัยเด็กแต่ไปกันสาดคน ไปตั้งแคมป์ปิ้งนอนดูดาวกลางป่าก็ดีไม่น้อยเลย ห่างไกลผู้คนแถมยังได้ท่องเที่ยวธรรมชาติ” ฟ้าหลับตาพูดถึงสิ่งที่จะได้เจอ
“ท่านประธานกระผมขอค้าน!! ” ลูกปลาน้อยรีบชูมือตะโกนขึ้นมา “ใครจะไปก็ไปเลยนะฉันไม่ไปเด็ดขาด เอาช้างมาฉุดก็ไม่ไป ไหนจะห้องน้ำที่หาเข้ายากนอนในเต็นท์ที่แสนแออัดร้อนก็ร้อนพื้นก็แข็งอาหารก็กินตามดินกินกลางทราย แค่คิดก็ปวดหลังแล้ว”
“จริงของแก” ย้งยี้กอดอกรับครับทำท่าคิด
“ใช่ไหมแกฉันพูดถูกเลย” ลูกปลาน้อยมาเกาะไหล่ย้งยี้ก่อนจะหันมาแลบลิ้นใส่ฟ้า
“งั้นเรามาโหวตกันใครมากกว่าเลือกแบบไหน” ฟ้าบอกกับเพื่อนทั้งสอง “ใครจะไปเที่ยวป่ากันบ้างยกมือ” ฟ้าพูดจบย้งยี้ก็ยกมือด้วย “โอเคตกลงตามนี้ เก็บของเที่ยวป่าสองคืนสองวัน ส่วนสถานที่เตรียมไว้แล้วรับรองปลอดภัย” ฟ้าพูดจบก็แยกย้ายกันไปเก็บของทิ้งลูกปลาน้อยยืนงง
“พวกแกสองคนแกล้งฉันใช่ไหม ฝากไว้ก่อนเถอะ! “ลูกปลาน้อยบ่นดังๆ
ช่วงสายของวันนี้ทั้งสามคนก็เตรียมตัวพร้อมกับสำหรับเที่ยวป่า ซึ่งคราวนี้ทั้งสามคนจะไปเที่ยวในป่าไม่ไกลจากบ้านที่ในสมัยเด็กพวกเธอเคยไปเข้าค่ายมาแล้ว
ทั้งสามคนขี่รถมอเตอร์ไซด์มาจอดที่บ้านของคนรู้จัก ก่อนจะเดินเท้าเข้าไปในป่าด้วยอุปกรณ์การเที่ยวป่าที่เตรียมมาพร้อม แต่ก็ไม่ลืมที่จะเตรียมอุปกรณ์สื่อสารและคอมพิวเตอร์เพราะย้งยี้กะจะใช้เวลานั้นเขียนนิยายเก็บเอาไว้ เพื่อรอไปลงในหนังสือพิมพ์โรงเรียน ส่วนฟ้านั้นก็เตรียมหนังสือไปอ่านและอุปกรณ์ทำอาหารที่ใช้ในการเดินป่า ขณะที่ลูกปลาน้อยเป็นเพียงคนเดียวที่ไม่เอาอะไรไปเลยเพราะเธอไม่อยากไปเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
“ขอให้ไปคราวนี้พวกแกเจอคดีฆาตกรรมส๊าธุ” ลูกปลาน้อยยกมือท่วมหัวเพื่อภาวนาให้เจอคดีฆาตกรรม เพราะส่วนมากเมื่อพวกย้งยี้ไปที่ไหนก็มักจะเจอคดีฆาตกรรมอยู่เสมอ เหมือนที่ในการ์ตูนแนวสืบสวนชอบเอามาล้อเลียน ว่าทุกๆ ที่ที่พวกนักสืบไปมักจะเกิดการฆาตกรรม ซึ่งความจริงแล้วพวกเขาไม่ได้ดึงดูดคดีฆาตกรรม แต่เหล่าคดีพวกนั้นต่างหากที่ดึงดูดพวกเขาให้ไปแก้ปริศนา
“จ้างให้ก็ไม่เจอหรอก อย่างมากก็คงจะเป็นศพเน่ากลางป่า ก็แค่แจ้งตำรวจก็จบ” ย้งยี้บอกกับลูกปลาน้อย
“ถ้าเจอจริงๆ แม่จะหัวเราะให้กลิ้งเลย จะหาว่าไม่เหมาะสมเคารพคนตายก็ยอม” ลูกปลาน้อยพูดประชด
ทั้งสามคนเดิมมาถึงริมน้ำที่ใช้ในการตั้งแคมป์ ฟ้าก็ไปหาหินเพื่อมาตั้งเตาเพื่อทำอาหาร ขณะที่ย้งยี้กับลูกปลาน้อยก็ช่วยกันกางเต็นท์ที่ใช้นอนร่วมกันสามคน
เย็นวันนี้ลูกปลาน้อยที่เตรียมอาหารมาทำ ก็จัดเต็มเมนูสุดพิเศษให้เพื่อนๆ ได้กินกันก่อนจะก่อกองไฟขนาดเล็กและนอนดูดาวบนท้องฟ้าพูดคุยถึงเรื่องราวต่างๆ ช่วงที่ทั้งสามคนต้องแยกกัน
“ตั้งแต่ไปอยู่ที่กรุงเทพฉันก็เจอกับคดีมากมาย เพราะอีตานายจิ้งจอกพี่ชายบ้าพลังที่ชอบหลอกฉันไปทำคดีอยู่ตลอด กว่าจะหนีพี่แกมาได้” ย้งยี้บ่นให้เพื่อนๆ ฟัง
“ส่วนฉันกับยายโย่งพอแกไม่อยู่เราก็ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด จนได้ฉายาว่าไม้สั้นไม้ยาว ดีนะที่ยายโย่งมันสวยเลยไม่มีใครกล้าแซวนาง ส่วนฉันน่ะหรอโดนล้อสารพัดเกลียดตัวเองที่เกิดมาเหมือนเด็กจริงๆ อยากตัวโตหุ่นอึ๋มแบบยัยนี่บ้าง” ลูกปลาน้อยมองหน้าอกตัวเองก่อนจะมองหน้าแกของฟ้าและแกล้งจับหน้าอกของฟ้าเป็นการแกล้ง ก่อนที่ทุกคนจะหัวเราะกันออกมาอย่างสนุกสนาน
“นี่แกแต่ฉันว่ามันแปลกๆ อยู่นะ” ฟ้าพูดขึ้นมาหลังจากที่หยอกล้อกันจบ
“อะไร ก็นอนดูดาวกันปกติดีนี่นา” ย้งยี้บอก
“ใช่ดาวสวยจะตาย” ลูกปลาน้อยพูดเสริม
“แต่พวกเราเข้านอนไปตั้งชั่วโมงที่แล้วไม่ใช่หรอ แล้วทำไมเราถึงมองเห็นดาวได้” ฟ้านอนพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ
“เออจริงด้วย เต็นท์หายไปไหน...?” ลูกปลาน้อยกับฟ้าพูดขึ้นมาพร้อมกันด้วยท่าทางตกใจ ก่อนจะเห็นเต็นท์ของตนลอยไปติดบนยอดไม้พร้อมพายุฝนที่ตกลงมาอย่างรุนแรง
“ซวยแล้วๆ เก็บของเร็วเข้า” ทั้งสามคนรีบช่วยกันเก็บของทั้งที่ฝนตกอย่างหนัก
“บอกแล้วว่าอย่ามาไม่เชื่อ เห็นไหม” ลูกปลาน้อยบ่นดังๆ ระหว่างเก็บของ
และในระหว่างที่ทั้งสามคนกำลังเก็บของก็มีเสียงแตรรถดังขึ้นมาจากในเงามืด พร้อมไฟหน้ารถที่สาดแสงมาหาทั้งสามคน
“ลมพายุมาแล้วเข้ามาในรถก่อน” เสียงผู้หญิงคนหนึ่งลงมาจากรถพร้อมร่มเรียกพวกย้งยี้ให้ไปหา
ในตอนนั้นแม้จะดูไม่ค่อยเข้าท่าที่ต้องขึ้นไปบนรถของคนแปลกหน้า แต่ก็ดีกว่าต้องมายืนเปียกฝนท่ามกลางความมืดแบบนี้ อีกอย่างทั้งสามคนก็มีวิชาป้องกันตัวการจะโดนทำร้ายจึงไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวลอะไร
“ขอบคุณมากค่ะ” ย้งยี้ที่ขึ้นมาบนรถกระบะสี่ประตูที่ด้านหลังบอกกับชายหญิงที่นั่งในรถ
“เป็นเด็กนักเรียนโรงเรียนเราจริงๆ ด้วย” เสียงหญิงสาวร่างผมยาวถึงไหล่ใส่ที่คาดผมสีชมพูหันมาพูดกับพวกย้งยี้ “พี่ชื่อชมพู่อยู่ชั้นม.6 พวกเธอที่เป็นคนของชมรมนักข่าวใช่ไหม ที่ทำข่าวต้นกล้วยนางตานีตอนนั้น” หญิงสาวพูดกับย้งยี้
“ชะใช่ค่ะ” ย้งยี้รับคำ
“เห็นไหมบอกแล้วว่าใช่ เพราะตอนนั้นฉันก็เป็นหนึ่งในคนที่ไปขอหวย ตอนที่พวกนั้นกำลังลบหลู่ต้นกล้วยพอดี” พี่ชมพู่ตบไหล่ชายหนุ่มหุ่นล่ำผมเกรียนคิ้วเข้มท่าทางจริงจังที่เป็นคนขับ “ลืมแนะนำคนนี้ชื่อตัน”
“หนูชื่อย้งยี้ คนนี้ลูกปลาน้อยกับฟ้า” ย้งยี้บอกกับรุ่นพี่ทั้งสองคน
“แล้วจะไปไหนต่อให้ไปส่งบ้านไหม” พี่ตันชายหุ่นล่ำถามพวกย้งยี้
“กะก็ดีค่ะ รถเราจอดนอกป่าไม่ไกล” ฟ้าพูดขึ้นมา
“แกตอนนี้มันดึกแล้วพายุก็เข้ารอเช้าค่อยไปส่งดีกว่า ยังไงคืนนี้ก็ไปนอนที่บ้านพักเราก่อนก็ได้ พวกพี่ก็มาเที่ยวหนีโรคเหมือนพวกเธอนั่นละ พอดีพี่ลงมาซื้ออาหารเพิ่มเลยเห็นพวกเธอเลยขับมาดู” พี่ชมพู่พูดยิ้มๆ กับทุกคน
“เกรงใจอ่าค่ะ” ลูกปลาน้อยพูดขึ้นมาเบาๆ
“ไม่ต้องเกรงใจเราคนโรงเรียนเดียวกัน อีกอย่างคนเยอะๆ สนุกดี ที่บ้านก็มีอยู่อีกหลายคน อยู่กันเยอะๆ จะได้สนุกกัน” พี่ชมพู่หันมาพูดกับชายร่างบึกบึน
“ก็บ้านแกจะทำอะไรก็ทำเถอะ” ชายหนุ่มถอนหายใจเบาๆ
พวกย้งยี้พยักหน้ารับคำรถจึงมุ่งหน้าไปยังบ้านพักของพี่ชมพู่ทันที
รถขับพาพวกย้งยี้ขึ้นมาบนเขาซึ่งเป็นเส้นทางที่ไม่ค่อยคุ้นเคยเท่าใด เพราะสถานที่แถวนี้คือบ้านพักกลางป่าของพวกคนรวย รถกระบะวิ่งผ่านถนนที่ฝนตกหนักจนมาถึงบ้านพักสองชั้นขนาดใหญ่ใจกลางป่า
“แม่เจ้าโวย นั่นบ้านรึนั่น” ลูกปลาอุทานออกมาเบาๆ
“นี่แค่บ้านพักตากอากาศนะ” พี่ตันบอกกับพวกย้งยี้เมื่อขับรถมาจอดที่โรงจอดรถ
“หายไปไหนตั้งนานได้เบียร์มารึเปล่า” หญิงสาวสวยร่างผอมในชุดรัดรูปกางเกงขาสั้นผมยาวเดินมาพูดกับพี่ชมพูด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
“พอดีไปเจอรุ่นน้องมาเลยพามานอนด้วย” พี่ชมพู่บอกกับหญิงสาวสวยร่างเล็ก
“ก็ตามใจมันบ้านเธอนี่นา” หญิงสาวเปิดเบียร์ก่อนจะเดินจากไป
“ไม่ต้องสนใจนางมันหรอก” พี่ตันหันพูดกับพวกย้งยี้
“ชมพู่มาแล้วหรอ” ระหว่างทางที่นางหญิงสาวสวยร่างเล็กเดินเข้าบ้าน ก็มีหญิงสาวสวมแว่นร่างอวบผมสั้นในชุดนอนสีขาววิ่งมาหาทุกคน “เป็นไงบ้างฝนตกหนักเป็นห่วงแกสองคนมากๆ “หญิงสาวหันมาดูพวกย้งยี้ก่อนที่พี่ชมพู่จะเล่าเรื่องที่ไปเจอย้งยี้ให้เพื่อสาวใส่แว่นที่ชื่อแพนฟัง
“บ้านเธอนี่นาตามสบาย” พี่แพรพูดจบก่อนจะช่วยพี่ตันถือของเข้าบ้าน
“ไปอาบน้ำกันที่นี่มีห้องเยอะเดี๋ยวจะแนะนำคนที่เหลือให้รู้จัก” พี่ชมพู่บอกกับพวกย้งยี้
“เธอมีแผลที่นา” ระหว่างที่กำลังจะเดินไปพี่ชมพู่ก็เห็นแผลที่ขาของฟ้า “ที่นี่ไม่มียาทำแผลด้วย รอเดี๋ยวนะเดี๋ยวมา” พี่ชมพู่พูดจบเธอก็หยิบร่มแล้วหายไปในความมืดนอกบ้าน ก่อนจะหยิบต้นไม้แปลกๆ มาใส่ปากเคี้ยวแล้วคายออกมาแปะที่ขาของฟ้า
“แผลแค่นี้เองค่ะ” ฟ้าที่เกรงใจรีบหดขา
“ไม่ได้ๆ ถ้าแผลติดเชื้อจะยุ่ง ไม่ต้องห่วงพี่ไม่มีโรคโค 19 หรอกอีกอย่างนี่ก็เป็นใบเสือหมอบที่ช่วยห้ามเลือกสนามแผลพี่พอรู้เรื่องสมุนไพรนิดหน่อย” ฟ้าที่เห็นความหวังดีของหญิงสาวจึงยอมให้เอามาปิด
“ขอบคุณค่ะ” ฟ้ายกมือไหว้
“เราห่างกันสองปีเอง ยกมือไหว้แบบนี้เดี๋ยวอายุสั้น” พี่ชมพู่พูดแซวๆ ก่อนจะพาทั้งสามคนไปยังบ้านพัก ที่ในห้องโถงขนาดใหญ่ที่มีทั้งทีวีเครื่องเสียงวิดีโอเกมเพลย์สเตชั่น 5
“ทุกคนอยู่พร้อมหน้ากันพอดีเลย งั้นจะแนะนำให้รู้จักนะ” พี่ชมพู่พูดกับเพื่อนๆ “นี่คือรุ่นน้องที่ไปเจอกลางทางเลยให้เขามาพักด้วย” ทุกคนพยักหน้าสายตาเหมือนจะคิดในใจพร้อมกันว่า นี่มันบ้านเธอตามสบายเลยในความคิดของพวกย้งยี้ “คนใส่แว่นชื่อย้งยี้ คนตัวเล็กชื่อลูกปลาน้อยสวยคนสวยๆ คนนี้ชื่อฟ้า” พี่ชมพู่บอกกับเพื่อนๆ ก่อนจะหันมาแนะนำเพื่อนๆ ให้พวกย้งยี้รู้จัก “คนสวยๆ ที่กินเบียร์ตรงนั้นรู้จักไปแล้วนะชื่อนาง คนใส่แว่นในครัวที่กำลังหาของกินนั่นชื่อแพน ส่วนคนอ้วนๆ ผมยาวที่นั่งเล่มเกมชื่อแรมโบ้” ชายร่างอ้วนที่ใส่หูฟังเล่นเกมไม่ได้สนใจที่พี่ชมพู่พูดเลย”
“เฮ้ยไอ้อ้วนเล่นแต่เกมดูซะบ้างมีแขก” ชายหนุ่มหน้าตาดีออกไปทางฝรั่งใช้เท้าสะกิดชายร่างอ้วนให้หันมาหาทุกคน จนพี่ชมพู่ต้องพูดเรื่องเจอย้งยี้อีกครั้ง
“มันบ้านเธอตามสบายเลย” พี่แรมโบ้ชายร่างอ้วนผมยาวใส่หูฟังแล้วเล่นเกมต่อ
“อย่าไปใส่ใจไอ้อ้วนบ้าเกมเลย ผมหรั่งยินดีที่รู้จักครับ” ชายหน้าตาดีมาดฝรั่งเดินมาจับมือกับฟ้าคนเดียว
“อ่ะแฮ่ม” ระหว่างที่กำลังจับมือนั่นก็มีเสียงกระแอมของหญิงสาวผมหน้าม้าใบหน้าเรียบเฉยที่ดูภูมิฐานเดินมาหาพวกย้งยี้
“นี่ฤทัยกับหรั่งเขาเป็นแฟนกัน” พี่ชมพู่พูดกับพวกย้งยี้
“ตอนนี้เรามั่นกันอยู่คิดว่าหลังเรียนจบจะแต่งงานกัน แต่จนกว่าจะถึงตอนนั้นฉันจะไม่ยอมมีอะไรกับเขา หรือให้เขาไปมีกับใคร” ฤทัยมองฟ้าด้วยสายตาไม่พอใจจนสังเกตุได้
ลูกปลาน้อยใช้เท้าสะกิดย้งยี้ขณะที่เธอสะกิดตอบ
“ส่วนอีกคนชื่อหนามเตยไม่ค่อยสบายเลยนอนอยู่ข้างบน จะพาไปหาหมอที่โรงพยาบาลก็ดื้อบอกกลัวโค 19 ขอนอนข้างบน” พี่ชมพูตบมือเบาๆ เป็นการตัดบทก่อนจะหันมาทางพวกย้งยี้ “เอาละแนะนำตัวกันพอแล้วพวกเธอไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ากัน พี่มีห้องนอนขนาดสามเตียงยังไงก็พักผ่อนก่อนก็แล้วกัน”
................................
พี่ชมพู่พาทั้งสามคนมายังชั้นสองของบ้านและให้ทั้งสามคนพักในห้องนอนขนาดใหญ่ที่มีสามเตียงด้านในพร้อมห้องน้ำและวิวที่สวยงามของป่าท่ามกลางสายฝน
“พักให้สบายนะไม่ต้องเกรงใจ” พี่ชมพู่เปิดแอร์ด้วยรีโมทด้วยเบอร์ที่แรงสุดให้ทั้งสามคนก่อนจะปิดประตูไป
ทั้งสามคนถอนหายใจแรงๆ ด้วยความโล่งอก
“สงสารพี่ชมพู่จังเลยทำไมคนดีๆ แบบนี้ถึงได้มีเพื่อนแย่ๆ แบบนี้ด้วย” ลูกปลาน้อยพูดถึงความเย็นชาของเพื่อนๆ พี่ชมพู่ที่ดูจะไม่ค่อยยินดียินร้ายอะไรกับพวกเธอที่มาอยู่ด้วย
“แกไม่เป็นไรนะ” ย้งยี้ตบไหล่ฟ้าที่เจอฤทัยสาวผมหน้าม้าแสดงกิริยาแย่ๆ ใส่
“ฉันเจอจนชินแล้ว” ฟ้ายิ้มน้อยๆ ให้ย้งยี้
“คืนนี้เราก็แค่นอนที่นี่ไปก่อนเดี๋ยวตอนเช้าเราก็ไปแล้ว ไหนๆ ก็ได้นอนห้องแอร์สุดหรูเหมือนโรงแรมห้าดาวขนาดนี้ ขอใช้เวลาแห่งความสุขนี้ให้คุ้มก็แล้วกัน ฉันขอเตียงกลางนะพวกแก” ลูกปลาน้อยกระโดดลงไปนอนบนเตียงด้วยความสบายใจ ก่อนจะไปเปิดดูตู้เย็นประจำห้องที่มีน้ำผลไม้น้ำอัดลมและน้ำเปล่ามากมายในนั้น “ไหนดูซิมีอะไรบ้าง อ้อเจอแล้ว อ่ะยายแว่นน้ำส้มที่แกชอบ” ลูกปลาน้อยโยนน้ำส้มให้ย้งยี้และโยนขวดน้ำเปล่าให้ฟ้าส่วนตัวเองก็ดื่มน้ำอัดลม
“แกสองคนต้องดื่มน้ำเปล่าเยอะๆ นะ มันดีกว่ากินน้ำผสมน้ำตาลแบบนั้น” ฟ้าดื่มน้ำจนหมดขวดเมื่อพูดจบ “เอาไว้มีโอกาสต้องหาทางขอบคุณพี่เขาด้วยนะ” ฟ้าบอกกับเพื่อนทั้งสองคนด้วยเสียงที่เบาเหมือนคนอ่อนเพลีย
“เป็นอะไรรึเปล่าหน้าซีดๆ “ย้งยี้จับหัวฟ้าที่หน้าซีดๆ “ตัวอุ่นๆ นะแก”
“น่าจะเป็นหวัดนั่นละ เดี๋ยวไปอาบน้ำอุ่นๆ นอนห่มผ้าก็คงจะดีขึ้น” ฟ้าบอกกับย้งยี้
“เดี๋ยวฉันลงไปขอยาดูนะ” ย้งยี้บอกกับฟ้าก่อนที่เธอจะเดินออกไปจากห้อง
เมื่อย้งยี้เดินออกมาจากห้องเธอก็เดินสวนทางหญิงสาวสวยร่างเล็กที่ชื่อนาง ที่ถือกระป๋องเบียร์เดินผ่านไปโดยไม่พูดอะไร
“^*%&*) (_) *^$#$&) ” ที่หน้าห้องๆ หนึ่งย้งยี้ได้ยินเสียงชายหญิงคู่หนึ่งกำลังทะเลาะกันในนั้นจนดังออกมาข้างนอก
“ไม่ต้องไปสนใจหรอก คู่นี้เขาแต่งกันเพราะถูกผู้ใหญ่คลุมถุงชน” พี่แพนหญิงสาวร่างท้วมสวมแว่นพูดกับย้งยี้เมื่อเธอเดินผ่านมาเห็น
“พี่ชมพู่อยู่ไหนคะ” ย้งยี้จะถามไม่ทันจบแพนเข้าห้องตัวเองก็ปิดประตูไปโดยไม่สนใจย้งยี้
ย้งยี้ถอนหายใจแรงๆ ก่อนจะเดินลงมาที่ชั้นล่าง ย้งยี้ก็ยังเห็นชายร่างอ้วนที่ชื่อพี่แรมโบ้ยังนั่งเล่นเกมใส่หูฟังไม่สนใจใคร
ย้งยี้ที่ไม่รู้จะไปทางไหนก็ได้แต่ยืนอยู่ตรงบันไดทางขึ้น ด้วยความที่ตัวบ้านค่อนข้างใหญ่จึงทำให้ย้งยี้ไม่รู้ว่าจะไปหาพี่ชมพู่จากที่ไหน จนพี่ตันชายร่างบึกบึนคิ้วเข้มที่ย้งยี้เจอที่รถ เดินลงบันไดมาพร้อมผ้าขนหนูตัวเล็กและมัดกล้ามสะเทือนใจย้งยี้ที่แพ้ทางหนุ่มหุ่นล่ำแบบสุดๆ
“จะไปไหนน้องแว่น” ตันทักย้งยี้จนเธอสะดุ้งเล็กน้อยและพยายามหลบตา และกลั้นใจตัวเองไม่ให้มองไปยังกล้ามท้องของชายหนุ่มที่สุดแสนจะน่ามอง
“หะหนูมาหาพี่ชะชม” ย้งยี้พูดไม่ทันจบพี่ชมพู่ก็เดินมาจากในครัว
“ไงจ๊ะย้งยี้” พี่ชมพู่ที่เดินมาพร้อมถาดอาหารถุงมือผ้าปิดปากทักย้งยี้จนตันเดินจากไป
ย้งยี้แอบเคืองเบาๆ ที่พี่ชมพู่มาทำลายเวลาดีๆ นี้ไป แต่เพื่อนก็สำคัญกว่า “พี่ชมพู่มียาไหมคะ ฟ้าคนตัวสูงๆ ที่มาด้วยดูเหมือนจะเป็นหวัด”
“มีซิรอเดี๋ยวนะพี่ขอเอาข้าวกับยาไปให้หนามเตยก่อน รอตรงนี้เดี๋ยวพี่มา” พี่ชมพู่บอกกับย้งยี้ขณะที่ด้านนอกพี่ตันที่สวมกางเกงว่ายน้ำลงไปเล่นน้ำในสระ ท่ามกลางสายฝนที่ตกกระหน่ำ
“โชว์สาวซิไม่ว่า” เสียงบ่นดังๆ ของชายร่างอ้วนที่นั่งเกม
“แม่จ๋า” ย้งยี้ตาลุกวาวจนแทบจะทะลุแว่น หนุ่มหล่อหุ่นล่ำว่ายน้ำท่ามกลายสายฝน มันคือภาพในฝันที่ย้งยี้ไม่คิดว่าจะได้เจอ
“เฮ้ยไปเล่นน้ำไม่ชวนเลยนะแก” พี่หรั่งหนุ่มหล่อหน้าตาฝรั่งที่เดินลงมาแล้วเห็นพี่ตันกำลังเล่นน้ำ เขาก็รีบถอดเสื้อผ้าโชว์มัดกล้ามไม่แพ้กันก่อนจะวิ่งลงไปเล่นน้ำอีกคน
“ไม่ไหวแล้ว” ย้งยี้กำเดาแทบพุ่งเมื่อเห็นแบบนี้
“ปัญญาอ่อน” พี่แรมโบ้ชายร่างอ้วนบ่นดังๆ อีกครั้งขณะเล่นเกม
“กำเดาไหลแล้วแก” ลูกปลาน้อยมาพูดที่ข้างหูจนย้งยี้ตื่นจากฝันจนสะดุ้งสุดตัว
“แม่ตกหกกระไดแตก” ย้งยี้อุทานออกมาเสียงดังรีบเช็ดกำเดาที่ไม่ได้ไหลจริงๆ
“ให้มาเอายาไม่ใช่มาดูหนุ่มๆ “ลูกปลาน้อยตบหัวย้งยี้แรงๆ “ฉันไปเอายาจากพี่ชมพู่มาแล้ว จะดูก็ดูไปนะ” ลูกปลาน้อยบอกกับย้งยี้
“โทดทีนานๆ จะได้เห็น” ย้งยี้พูดยิ้มๆ ก่อนจะเดินตามลูกปลาน้อยไปที่ห้อง
แต่ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินเข้าไปในห้องของตัวเอง ทั้งคู่ก็เห็นพี่ฤทัยเปิดประตูสวนออกมา ท่ามกลางความตกใจของทั้งสองคน
พี่ฤทัยยิ้มให้ย้งยี้กับลูกปลาน้อยจนทั้งคู่ขนลุกอย่างบอกไม่ถูก ก่อนจะรีบวิ่งเข้ามาดูฟ้าในห้องด้วยความเป็นห่วง
“แกเป็นอะไรรึเปล่า ยายหน้าม้านั่นทำอะไรแกเดี๋ยวฉันไปจัดการให้! ” ลูกปลาน้อยรีบวิ่งมาหาฟ้าในชุดนอนที่กำลังนั่งหน้าแดงอยู่
“หน้าแดงแบบต้องมีไข้แน่ๆ ฉันเอายามาให้แล้ว” ย้งยี้รีบไปเอาแก้วน้ำใส่ยาให้เพื่อนสาว
“แก” ฟ้าพูดเสียงสั่นหน้าแดงมองมาทางเพื่อนทั้งสองที่กำลังมองดูด้วยความเป็นห่วง “ฉันถูกพี่ฤทัยจูบมาเมื่อกี้”
“ว่าไงน๊า!! ” ย้งยี้กับลูกปลาน้อยตะโกนออกมาด้วยความตกใจ
“เข้ามาสารภาพรักกับฉันเมื่อกี้” ฟ้ายังคงหน้าแดงที่ถูกจูบเป็นครั้งแรกในชีวิต “แถมเป็นจูบแบบดูดดื่มเอาลิ้นเข้ามาด้วย ฉันกลัวจนทำอะไรไม่ถูกเลยแก” ฟ้าหน้าแดงเมื่อเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นให้เพื่อนทั้งสองคนฟัง
“บ้าไปแล้ว” ย้งยี้เอามือปิดปาก “เดี๋ยวนี้แกก้าวหน้าขนาดผู้หญิงด้วยกันก็ชอบแกแล้วหรอเนี้ย!! ”
“ทำยังกับฉันชอบอย่างนั้นละ” ฟ้ารับขวดน้ำที่ย้งยี้หยิบมาจากในตู้เย็นมาให้ดื่ม
“เป็นคนสวยนี่ลำบากจริงๆ “ย้งยี้กับลูกปลาน้อยบ่นออกมาพร้อมกัน “เนอะๆ “
“แล้วคิดว่าฉันชอบหรอ” ฟ้าบ่นพร้อมกับไอออกมาเบาๆ
“นอนเถอะเดี๋ยวพรุ่งนี้จะแกไปหาหมอ” ย้งยี้บอกกับฟ้าก่อนจะไปอาบน้ำและเข้านอน
..........................
รุ่งขึ้นทั้งสามคนก็ต้องตกใจตื่นเพราะได้ยินเสียงร้องของใครบางคนที่นอกห้อง จนต้องรีบออกมาจากห้อง
“เกิดอะไรขึ้น” ย้งยี้ถามทุกคนที่กำลังมุมดูที่หน้าห้องๆ หนึ่ง
“พี่ตัน” ลูกปลาน้อยอุทานออกมาเมื่อเห็นร่างของพี่ตันชายร่างบึกบึนนอนคว่ำหน้า ครึ่งตัวของเขาออกมานอกประตู ขณะที่แขนซ้ายของเขาก็ยื่นออกมาเหมือนคนที่พยายามตะเกียกตะกายตัวเองออกมาจากห้อง โดยสวมเพียงกางเกงนอนสภาพมีร่องรอยของอ้วกจำนวนมากตามพื้นและในห้องพัก
“เขาตายแล้ว” ย้งยี้จับชีพจรที่คอของชายหนุ่ม ก่อนจะหันไปดูในห้องที่ปิดผ้าม่านไม่มีร่องรอยการต่อสู้มีเพียงขวดน้ำและตู้เย็นที่เปิดทิ้งเอาไว้ ย้งยี้รีบถ่ายสภาพศพและสิ่งต่างๆ เอาไว้ในโทรศัพท์ ขณะที่คนอื่นๆ กำลังโวยวายด้วยความตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
“โทรแจ้งตำรวจเร็วเข้า” พี่แพนหญิงสาวร่างท้วมสวมแว่นบอกกับพี่ชมพู่
“โทรไม่ติดไม่มีสัญญาณ” พี่ชมพู่บอกขณะที่ทุกคนก็ดูโทรศัพท์มือถือของตัวเอง
“เมื่อคืนยังมีสัญญาณอยู่เลย” พี่นางสาวสวยร่างเล็กพูดขึ้นมา
“เสาน่าจะหักเพราะพายุแน่ๆ ยังไงก็ไปแจ้งตำรวจเองดีกว่า” พี่ชมพู่บอกกับทุกคน
“ฉันไปด้วยไม่ขออยู่ที่แบบนี้ แค่ก แค่ก” พี่ฤทัยพูดขึ้นมาพร้อมอาการไออย่างรุนแรง
“ฉัน แค่ก แค่ก ด้วย” พี่หรั่งพูดไปไอไป
“บ้านาอาการอ้วกแบบนี้ แถมไออย่างนี้หรือว่าจะเป็นโรคโค 19” พี่แรมโบ้ชี้นิ้วมาทางทุกคน “เมื่อคืนแกไปเล่นน้ำกับไส้ตันมาคงจะติดเชื้อมาแน่ๆ “
“ไร้สาระ” พี่ชมพู่พูดเสียงเข้ม
ขณะที่พี่ฤทัยหน้าซีดมองมาทางพวกย้งยี้ “เพื่อนเธอป่วยด้วยรึเปล่า”
ย้งยี้กับลูกปลาน้อยมองหน้ากัน ก่อนจะนึกขึ้นมาได้ว่าฟ้ากำลังนอนป่วยอยู่บนที่นอนไม่ได้ออกมาตรงนี้ด้วย
“ถ้าเป็นแบบนั้นฉันขอออกไปดีกว่าส่วนคนที่ไอก็อยู่ที่นี่ไปก็แล้วกัน” พี่นางเอามือปิดปากก่อนจะรีบวิ่งกลับเข้าห้องเพื่อเก็บ ของขณะที่พี่แพนกับพี่แรมโบ้หญิงที่ไม่มีอาการป่วย ก็รีบไปเก็บของส่วนคนที่ป่วยก็ยืนไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไป
“ลูกปลาแกไปดูแลฟ้านะ เดี๋ยวฉันจะไปกับพี่ชมพู่ขอความช่วยเหลือเอง” ย้งยี้บอกลูกปลาน้อย
“ยังไงก็สวมผ้าปิดปากกันด้วย” พี่ชมพูวิ่งไปเอากล่องผ้าปิดปากให้ทุกคน “ส่วนคนที่ป่วยก็อยู่ในห้องไปก่อนเดี๋ยวจะไปเรียกโรงพยาบาลมารับ”
“ฉันไม่แค่กๆ “พี่ฤทัยจะไปด้วยแต่ก็ถูกทุกคนพาไปห้องของตัวเอง ขณะที่พี่หรั่งก็โดนแบบเดียวกัน
“ใครจะไปแค่กๆ “พี่ชมพูที่หยิบกุญแจรถก็มีอาการไอออกมาอย่างรุนแรงเหมือนคนอื่นๆ จนทุกคนต่างออกห่างจากเธอ
“โอเคใครที่ยังไม่ติดก็ไปที่รถ” พี่นางรีบแย่งกุญแจรถจากพี่ชมพู่ ก่อนจะพาคนที่ยังไม่ป่วยไปที่รถกระบะสี่ประตู
“ฉันขับเอง” พี่แรมโบ้บอกกับทุกคน ขณะที่พี่นางพี่แพนย้งยี้ขึ้นรถและขับออกไป
“เราติดเชื้อได้ยังไงกัน ก่อนหน้านี้ก็เป็นปกติกันดีนี่นา” พี่แพนที่นั่งข้างๆ ย้งยี้พูดขึ้นมาระหว่างที่รถแล่นไปบนถนนที่ฝนยังตกอยู่
“รึว่าจะเป็นเพราะหนามเตย ได้ข่าวว่ายายนั่นไปเที่ยวต่างประเทศมา” พี่นางพูดขึ้นมา “เมื่อวันก่อนฉันเห็นชมพู่แกล้งผลักหนามเตยลงสระด้วยหรือว่าจะติดเชื้อตรงนั้น”
“ส่วนฤทัยน่าจะติดมาจากหรั่งแน่ๆ ” พี่แรมโบ้ที่เป็นคนขับรถพูดขึ้นมา
“แกไม่รู้หรือไงว่าฤทัยมันป็นเลสเบี้ยน ที่มันมั่นกับหรั่งเพราะพ่อแม่มันบังคับ ยายนั่นไม่มีทางที่จะไปติดจากหรั่งแน่นอน” พี่นางกับพี่แพนพูดเป็นเสียงเดียวกัน
“หรือว่าฤทัยจะไปติดมาจากเพื่อเธอ เห็นฤทัยมองเพื่อเธอตลอด” พี่นางหันมาพูดกับย้งยี้
“เออใช่จำได้แล้วเมื่อคืนฉันเห็นฤทัยเดินออกมาจากห้องพวกเธอ” พี่แรมโบ้พูดขึ้นมา” แถมยายยั้นยังเอามือปาดปากตอนเดินผ่านฉัน ไม่ใช่ยายนั่นไปจูบเพื่อนเธอมานะ” ทั้งสามคนมองมาทางย้งยี้ที่ไม่ตอบอะไร
“แต่หนูว่าแปลกๆ นะคะทำไมหนูที่อยู่ห้องเดียวกับฟ้าถึงไม่เป็นอะไร” ย้งยี้ออกความเห็นก่อนที่รถจะหยุดอย่างกะทันหันโดยที่ย้งยี้ยังพูดไม่จบ
“บ้าไปแล้ว” ทุกคนต่างพากันตกใจเมื่อเห็นดินบนเขาถล่มปิดทางจนไปต่อไม่ได้ จนสุดท้ายทุกคนก็ต้องเลี้ยวรถกลับมาที่บ้านในที่สุด
.................................
ทั้งสี่คนมาถึงบ้านโดยมีพี่ชมพู่กับลูกปลาน้อยยืนรออยู่ ทั้งสี่คนลงมาจากรถโดยที่ไม่มีใครพูดอะไร
“ฝนตกจนถนนถูกปิดตอนนี้คงต้องรอให้มีคนมาช่วยเท่านั้น” ย้งยี้บอกกับลูกปลาน้อยที่ยืนใส่หน้ากากรออยู่ “ยายนั่นเป็นไงบ้าง”
“อาการก็ทรงๆ มีไข้หายใจแรงฉันกับพี่ชมพู่ช่วยกันดูแลอยู่” ลูกปลาน้อยบอก
“ตอนนี้ฉันไม่ขอเจอใครทั้งนั้นและห้ามใครเข้ามาในห้องด้วย” พี่นางตะโกนใส่ทุกคนด้วยท่าทางหวาดกลัวก่อนจะรีบวิ่งเข้าห้องตัวเอง
“จะกินอะไรไหมจะได้ทำไปให้” พี่ชมพู่ตะโกนถามพี่นางแต่เธอไม่ตอบ
“ฉันขอเอาเกมไปเล่นในห้องก็แล้วกัน” พี่แรมโบ้บอกกับพี่ชมพู่
“ส่วนฉันขอไม่กินอะไรจนกว่าจะมีคนมาก็แล้วกัน ห้องใครห้องมันจะได้ไม่เป็นอะไร” พี่แพนรีบพูดรีบเดินออกมา
“เธอสองคนไม่กลัวติดโรคโค 19 หรอ ไปอยู่ในห้องอื่นก็ได้นะ เดี๋ยวเพื่อนเธอพี่ดูแลให้” พี่ชมพู่ถามย้งยี้กับลูกปลาน้อย
“ไม่เป็นไรค่ะ หนูไม่กลัวถ้าจะติดก็ติดไปเพื่อนสำคัญกว่า” ย้งยี้บอกกับพี่ชมพู่
“อิจฉาเธอสามคนจริงๆ “พี่ชมพู่มีสายตาอ่อนโยนที่แม้จะปิดปากก็รู้ได้ทันทีว่าเธอกำลังยิ้มอยู่
วันนี้ตลอดทั้งวันฝนก็ยังคงตกอยู่อย่างต่อเนื่องโดยที่ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ขณะที่อาการของฟ้าก็มีการอาเจียนออกมาเป็นระยะ ขณะที่คนอื่นๆ นั้นต่างเก็บตัวในห้องไม่ไปไหนกันมีเพียงย้งยี้ลูกปลาน้อยและพี่ชมพู่ที่เดินไปมาในบ้านเหมือนเป็นคนปกติ ส่วนศพของพี่ตันนั้นถูกย้งยี้กับลูกปลาน้อยลากมาไว้ในห้องเปิดแอร์และเอาผ้าคลุมเอาไว้ เพื่อรักษาสภาพศพให้ดีที่สุดเท่าที่พอจะทำได้
“ทำไมพวกเราไม่มีอาการอะไรเลย อย่างมากก็แค่มึนหัวนิดหน่อยเอง” ลูกปลาน้อยถามขึ้นมาระหว่างทานอาหารเที่ยงที่โต๊ะพร้อมกับย้งยี้และพี่ชมพู่
“คนเราร่างกายแข็งแรงอ่อนแอต่างกัน เธอสองคนอาจจะแสดงอาการช้ากว่าก็ได้” พี่ชมพู่พูดไม่ทันจบ ก็เห็นพี่นางพี่แรมโบ้พี่แพนที่แอบลงมาเอาของกิน แต่ทั้งสามคนมีท่าทางระแวงและกลัวพวกย้งยี้มากๆ
“ใจฉันตอนนี้อยากจะจามใส่หน้าพวกนี้ให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย” ลูกปลาน้อยบ่นดังๆ
“แกก็” ย้งยี้ปรามเพื่อน “เออตั้งแต่เช้ายังไม่เห็นพี่หรั่งกับพี่ฤทัยเลย” ย้งยี้ถามขึ้นมา
“อ๋อพี่สามคนนั่นตอนที่แกออกไปข้างนอกตอนนั้น ฉันกับพี่ชมพู่ช่วยกันเอายากับอาหารไปให้แล้ว พี่ทั้งสามคนมีอาการหนักพอๆ กับฟ้าเลย” ลูกปลาน้อยบอก
“ถ้าไม่ได้ลูกปลาช่วยพี่คงแย่ขอบใจนะ” พี่ชมพู่ยิ้มให้ลูกปลาน้อย เมื่อพูดจบเธอก็ดูเวลาที่ข้อมือ “นี่ก็เที่ยงแล้วเราไปดูทุกคนกัน”
ทั้งสามคนช่วยกันทำอาหารแบบง่ายๆ อย่างข้าวต้มร้อนๆ ให้คนที่ป่วยได้ทานกันโดยเริ่มจากฟ้าที่ตอนนี้อาการเริ่มจะดีขึ้น
“ตอนนี้หายมึนหัวแล้ว ขอบใจพวกแกมากเลยนะที่เป็นห่วง” ฟ้ายิ้มให้ลูกปลาน้อยกับย้งยี้
“แค่นี้เองแกเรื่องเล็ก” ลูกปลาน้อยลูบหัวฟ้าเบาๆ ระหว่างพูด
“ทะลึ่งและยายปลาเน่า” ฟ้าบ่นดังๆ ก่อนที่ทุกคนจะหัวเราะออกมา
หลังจากห้องของฟ้าทั้งสามคนก็มาที่ห้องของพี่ฤทัยเป็นคนต่อมา
“ขอบใจนะที่เป็นห่วง” พี่ฤทัยขอบใจพี่ชมพู่ที่ดูแลตน
“เรื่องแค่นี้เอง” พี่ชมพู่พูดยิ้มๆ ก่อนจะส่งยาแก้ปวดให้พี่ฤทัยกินหลังทานอาหาร
“เพราะฉันที่ดันไปจูบน้องฟ้าเข้าเลยติดโรคมาเลย ความเจ้าชู้เป็นเหตุแท้ๆ “พี่ฤทัยถอนหายใจระหว่างพูด
“หนูว่าตรงข้ามมากกว่านะ” ย้งยี้แย้งขึ้นมา “ถ้าเกิดว่าฟ้าเป็นโรคโค 19 จริงๆ เขาจะติดมาจากที่ไหนกัน อีกอย่างถ้าฟ้าติดเราสองคนก็น่าจะมีอาการไปตั้งนานแล้ว ทำไมพี่ฤทัยที่จูบกับฟ้าไม่นานก็มีอาการ หนูว่าพี่ฤทัยน่าจะติดมาก่อนแล้ว ส่วนฟ้าเรายังไม่รู้ว่ายายนั่นไปติดกับใครตอนไหนมากกว่า”
พี่ฤทัยมีท่าทางโมโหเมื่อได้ยินย้งยี้พูดแบบนี้ “พวกแกทุกคนออกไปจากห้องเลยนะ” เธอขว้างปาข้าวของไล่ทุกคน
“ก็พูดความจริงนี่นาทำเป็นรับไม่ได้” ลูกปลาน้อยบ่นดังๆ
“ช่างเถอะ” ย้งยี้ห้ามเพื่อนสาวก่อนจะไปที่ห้องของพี่หนามเตย ที่ตั้งแต่ย้งยี้มาถึงก็เพิ่งเจอหน้าเขาครั้งแรก
“ขอบคุณนะที่ดูแลเรามาตลอด” พี่หนามเตยเป็นสาวร่างเล็กผิวเข้มผมสั้นยิ้มทักพี่ชมพู่ ก่อนที่เธอจะถามว่าพวกย้งยี้คือใครและคำตอบที่ได้ “มันบ้านเธอนี่จะพาใครก็ได้” ตามที่ย้งยี้คิด
“สาวๆ ครบแล้วต่อไปก็ดูหนุ่มหล่อกันบ้าง” พี่ชมพู่บอกกับย้งยี้ ขณะที่ลูกปลาน้อยใช่ไหล่กระแทกย้งยี้เบาๆ
พี่ชมพู่เคาะประตูหน้าห้องพี่หรั่งแต่ก็ไม่มีเสียงตอบกลับมา
“หลับรึเปล่า ไว้เราค่อยมาดูดีกว่า” ย้งยี้พูดขึ้นมา
“กลัวจะไปเห็นซิตแพคแล้วอดใจไม่ไหวรึไง” ลูกปลาน้อยแซวย้งยี้
“พูดเล่นอะไรดูสถานการณ์ด้วย มันใช่เวลาเล่นไหม” ย้งยี้ดุลูกปลาน้อย
“แต่มันเงียบผิดปกตินะพี่ว่า อ่ะ ประตูไม่ได้ล็อก” พี่ชมพู่พูดจบก็เปิดประตูเข้าไปในห้องทันที ซึ่งเมื่อเข้าไปทั้งหมดก็เห็นพี่หรั่งนอนแน่นิ่งสภาพน้ำลายฟูปากอยู่บนที่นอน
“เป็นไปไม่ได้” ย้งยี้รีบมาจับชีพจรทันทีแต่เขาเสียชีวิตไปแล้วท่ามกลางความตกใจของทุกคน
“หรั่งป่วยตายอีกคนแล้ว! ” พี่ชมพู่มีท่าทางตกใจเธอรีบวิ่งไปเคาะประตูและตะโกนบอกเพื่อนทุกคนที่หน้าห้อง
“ทำไงดีแก” ลูกปลาน้อยหน้าซีดเมื่อคนที่สองป่วยตายคาห้องไปอีกหนึ่งราย
...................
ในคืนนั้นทุกคนที่กำลังหวาดกลัวต่างก็อยู่แต่ในห้องไม่มีใครกล้าออกไปไหนมากกว่าเดิม ขณะที่พวกย้งยี้ก็อยู่ดูแลฟ้าที่ตอนนี้อาการค่อยๆ ดีขึ้นจนแทบจะหายเป็นปกติ
“แย่เลยนะพี่เขาสองคนก็ดูแข็งแรงขนาดนั้นไม่น่าจะป่วยจนเสียชีวิตได้” ฟ้าถอนหายใจเบาๆ ที่รู้เรื่องพี่ตันกับพี่หรั่ง
“จะเอาไงต่อดีนี่ก็วันหนึ่งไปแล้วไม่มีใครมาช่วยเลย” ลูกปลาน้อยมองท้องฟ้ายามค่ำที่ฝนยังตกนอกหน้าต่าง
“โชคดีที่แกไม่เป็นอะไร” ย้งยี้ยิ้มให้ฟ้าด้วยสายตาอ่อนโยน
และตอนนั้นเองจู่ๆ ก็มีเสียงร้องด้วยความตกใจดังขึ้นมานอกห้อง จนพวกย้งยี้ต้อง
รีบออกไปดูก่อนจะเห็นพี่ชมพู่วิ่งออกมาจากห้องของพี่ฤทัยด้วยท่าทางตกใจ มือเต็มไปด้วยเลือด
“เกิดอะไรขึ้นคะ!! ” ย้งยี้ถามพี่ชมพู่ที่วิ่งมากอดย้งยี้
“พี่จะเข้ามาดูก็เห็นฤทัยเขาฆ่าตัวตายในห้อง” พี่ชมพูดพูดเสียงสั่นก่อนที่ย้งยี้จะรีบวิ่งเข้าไปในห้อง และเห็นร่างของพี่ฤทัยนอนหงายเลือดไหลจากข้อมือพร้อมกับมีดทำครัวที่ตกอยู่
ย้งยี้ที่จับชีพจรก็พบว่าเธอยังเสียชีวิตจึงรีบเอาผ้ามาปิดที่ข้อมือเพื่อห้ามเลือด “เธอยังไม่เป็นอะไรรีบหาอะไรมาห้ามเลือดเร็วเข้า” ย้งยี้บอกกับทุกคน
“ใบเสือหมอบไง สมุนไพรที่พี่ใช้ห้ามเลือดที่ขาของฟ้าน่าจะช่วยได้” ลูกปลาน้อยที่เห็นขาของฟ้าจึงนึกออก
“จริงด้วย” พี่ชมพู่รีบลงไปจากห้องทันที
ย้งยี้ที่พยายามห้ามเลือดพี่ฤทัยก็เห็นบางอย่างที่แปลกออกไปในห้อง เธอขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะดึงสติให้กลับมาเพราะเธอมีสิ่งที่ต้องทำก่อนตอนนี้
ไม่นานพี่ชมพู่ก็เอาสมุนไพรมาและห้ามเลือดได้ทัน
“โชคดีที่รอยกรีดเป็นทางขวางเลยยังพอช่วยทัน ถ้าพี่เขากรีดเป็นทางยาวคงจะทำอะไรไม่ได้” ย้งยี้บอกกับทุกคน
“ค่อยโล่งอกหน่อย” ลูกปลาน้อยถอนหายใจ
ทั้งสี่คนลงมาที่ห้องครัวเพื่อให้ฤทัยได้พักผ่อน
“ฤทัยคงจะเครียดเรื่องที่หรั่งตาย ได้ข่าวว่าพ่อแม่ของฤทัยถังแตกเลยจะใช้การแต่งงานของลูกสาวช่วยเหลือทางบ้าน ฤทัยที่ก็ไม่เห็นด้วยก็ขัดอะไรไม่ได้ ส่วนหรั่งก็เจ้าชู้แต่เมื่อพ่อแม่บังคับก็เลยยอม” พี่ชมพู่บอกกับพวกย้งยี้
“แย่เลยนะคะแบบนั้น” ฟ้าบ่นออกมาเบาๆ
“แกเป็นอะไรรึเปล่านั่งเงียบตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว” ลูกปลาน้อยถามย้งยี้
“ไม่มีอะไร ฉันแค่เพลียๆ “ย้งยี้มองตาลูกปลาน้อย
“นึกว่าเสียดายหนุ่มสุดล่ำซะอีก” ลูกปลาน้อยแซวย้งยี้
“ก็นิดหน่อย พระเจ้าเอาคนหุ่นดีไปตั้งสองคนแบบนี้เสียดาย” ย้งยี้รับมุกต่อ
“เสียมารยาท เพื่อนพี่เขาเสียยังมาเล่นอีก” ฟ้าดุทั้งสองคน “ต้องขอโทษด้วยนะคะ เพื่อนหนูมันไม่ดูกาลเทศะเลย”
“ไม่เป็นไรๆ “พี่ชมพู่โบกไปมาระหว่างพูด
“นี่ก็ดึกแล้วเดี๋ยวคืนนี้หนูกับลูกปลาจะไปนอนเฝ้าพี่ฤทัยเอง พี่ชมพู่เหนื่อยมาทั้งวันแล้วไปพักผ่อนเถอะ” ย้งยี้บอกกับพี่ชมพู่
“แต่พี่ยังไหว” พี่ชมพู่รีบแก้ตัว
“พี่เองก็ป่วยนะคะอย่าลืมซิ” ลูกปลาน้อยบอกกับพี่ชมพู่ และหันมาทางฟ้า “แกด้วยไปพักทั้งคู่เลย เดี๋ยวเกิดเป็นอะไรขึ้นมาอีกจะยุ่ง”
“ก็ได้ยังไงก็ฝากดูฤทัยด้วยแล้วกัน พี่ขอไปดูหนามเตยก่อนแล้วกันจะได้ไปนอน” พี่ชมพู่บอกกับพวกย้งยี้ก่อนที่จะแยกตัวออกไป
เมื่อพี่ชมพู่แยกตัวออกไปสีหน้าแววตาของทั้งสามคนก็เปลี่ยนไปทันที
“แกสองคนกำลังสงสัยอะไรใช่ไหม” ฟ้าที่เห็นลูกปลาน้อยกับย้งยี้เล่นมุกไปมา ซึ่งเป็นเรื่องผิดปกติก็ทราบได้ทันที เมื่อมีโอกาสจึงถามขึ้นมา
“ไปคุยกันที่ห้อง” ย้งยี้บอกกับเพื่อนทั้งสองก่อนจะย้ายที่คุยโดยที่ทั้งสามไม่รู้เลยว่ากำลังมีร่างเงาสีดำกำลังแอบฟังอยู่
ทั้งสามมาถึงห้องตัวเองที่ตอนนี้ย้ายพี่ฤทัยมาอยู่ห้องของพวกย้งยี้ เพราะมีหลายเตียงเหมาะแก่การพักรักษาตัว ซึ่งฟ้าที่พอมีแรงจึงเป็นคนอุ้มเธอมา เมื่อเข้ามาในห้องย้งยี้ก็รีบมาดูอาการพี่ฤทัยที่ยังคงหลับอยู่ อาการยังคงทรุดอย่างต่อเนื่องแม้จะห้ามเลือดได้แล้ว
“เห็นแกเป็นแบบนี้ฉันรู้เลยว่าต้องมีอะไรแน่ๆ” ฟ้าพูดขึ้นมาเมื่อปิดประตูห้อง
“อย่าบอกนะว่าการตายของพวกพี่เขาเกิดจากการฆาตกรรม?” ลูกปลาน้อยพูดขึ้นมาด้วยท่าทางตกใจ
ย้งยี้ส่ายหน้า “ฉันก็ไม่รู้ แค่รู้สึกสงสัยอะไรบางอย่างเกี่ยวกับการฆ่าตัวตายของพี่ฤทัย” ย้งยี้กอดอกเอามือซ้ายตั้งไว้ปลายคางเมื่อทำท่าคิด “แกว่าถ้าคนจะฆ่าตัวตายด้วยการกรีดข้อมือเขาจะทำที่ไหนกัน” ย้งยี้ถามเพื่อนทั้งสองคน
“ในหนังเขาชอบทำกันที่ห้องน้ำ แต่ถ้าเป็นฉันจะทำบนที่นอน ไหนๆ ก็จะตายแล้วขอตายแบบนิ่มๆ หน่อย” ลูกปลาน้อยออกความเห็น
“ของฉันคงจะเป็นห้องน้ำ” ฟ้าบอก “เพราะเราคงไม่อยากให้ใครมาเห็นหรือช่วยหรอก”
“ฉันก็คิดแบบนั้น แต่ทำไมพี่เขาถึงเลือกจะฆ่าตัวตายที่นั่น แถมสภาพของคนที่ฆ่าตัวตายรอยบาดแผลก็ดูแปลกๆ “ย้งยี้หยิบหวีของตัวเองขึ้นมา “ปกติถ้าเราจะฆ่าตัวตายเราจะใช้มือขวาจับมีดแล้วกรีดไปบนมือซ้ายโดยการเลื่อนมือไปทางขวา” ย้งยี้ขยับมือขณะพูด “แล้วถ้าแกอยู่บนเตียงแล้วจะกรีดข้อมือ แกต้องนั่งแล้วก็กรีดข้อมือตัวเองจนเลือดไหลใช่ไหม แล้วค่อยล้มตัวลงนอนปล่อยให้เลือดไหลช้าๆ จนตาย” ย้งยี้ทำท่ากรีดข้อมือก่อนจะทิ้งหวีไว้บนเตียงแบบในที่เกิดเหตุแล้วก็นอนลงอย่างช้าๆ
“แกพูดถูกทุกอย่างก็ดูปกติไม่มีอะไรน่าสงสัยเลย” ลูกปลาน้อยเกาหัว
“งั้นดูนี่” ย้งยี้เอาโทรศัพท์ให้เพื่อนทั้งสองคนดู ซึ่งเป็นรูปเตียงที่พี่ฤทัยนอนฆ่าตัวตาย ที่บนเตียงเต็มไปด้วยเลือดซึ่งย้งยี้เพิ่งไปถ่ายมาเมื่อกี้ “แกว่ามันมีอะไรแปลกๆ ไหม”
เพื่อนทั้งสองคนดูรูปด้วยความสงสัย
“งั้นดูนี่นะ ฉันจะฆ่าตัวตาย ฉันนั่งกรีดข้อมือตัวเอง แล้วก็ทิ้งมีดไว้บนเตียงก่อนไปนอน” ย้งยี้ทำเหมือนเดิมแต่พูดไปด้วยทำไปด้วย
“หรือว่าจะเป็นคราบเลือดบนพื้น” ฟ้าพูดเสียงดังด้วยความตกใจ
“เอาไป 50 คะแนน” ย้งยี้ชี้นิ้วมาทางฟ้า
“ก็จริงของแกนะ ถ้าพี่ฤทัยแกจะกรีดข้อมือยังไงก็ต้องมีเลือดที่พื้น” ลูกปลาน้อยทำท่าคิด “หรือว่าพี่เขาจะนอนกรีดข้อมือ ไม่ซิไม่ได้ หรืออาจจะเป็นการนั่งขุกเข่าบนที่นอนแล้วกรีดข้อมือ” ลูกปลาน้อยซูมดูรูปบนเตียงแต่ก็ไม่มีคราบเลือดที่อื่นนอกจากที่ข้อมือ
“มันคิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้นอกจากการกระทำของคนนอก ที่ไม่น่าจะมีแรงอุ้มพี่ฤทัยไปที่ห้องน้ำแต่เลือกจะกรีดข้อมือตรงนั้นเลย” ย้งยี้พูดในสิ่งที่ตัวเองสงสัย “และสองศพก่อนหน้านี้ก็น่าจะเกิดจากการฆาตกรรมไม่ใช่ไวรัส”
“ตลกและ ต่อให้คนร้ายจะเก่งแค่ไหนก็ไม่สามารถสร้างเชื้อไวรัสมาฆ่าคนได้หรอก แถมอาการป่วยก็เหมือนโรคโค 19 เลย ดูยังไงก็น่าจะป่วยจริง แต่คนร้ายน่าจะใช้โอกาสที่พี่ฤทัยป่วยมาฆ่าเขาก็ได้” ลูกปลาน้อยแย้ง
“ฉันก็คิดแบบยายปลาเน่านะ” ฟ้าสนับสนุน
“ฉันเองก็คิดแบบนั้น แต่อะไรบางอย่างในตัวฉันมันบอกว่าสิ่งนี้มันคือการฆาตกรรมที่เกิดจากฝีมือคน” ย้งยี้พูดด้วยแววตามุ่งมั่น
“ถ้าแกมั่นใจแบบนั้นเราสองคนก็พร้อมที่จะเชื่อ” ลูกปลาน้อยตบหน้าอกตัวเอง ขณะที่ฟ้าพยักหน้าให้ย้งยี้
“...........................” ในขณะที่พวกย้งยี้กำลังคุยกันนั้นก็มีร่างเงาของใครบางคนกำลังแอบฟังพวกย้งยี้ที่หน้าประตู
“เป็นไปไม่ได้ก็เราทำตามแผนที่ซื้อมาทุกอย่าง ทำไมพวกนั้นถึงได้รู้กัน” ร่างเงาที่แอบฟังหน้าประตูคิดในใจด้วยความกังวล “ใจเย็นๆ ไว้ก่อน” คนร้ายคิดในใจระหว่างเดินกลับมาที่ห้องตัวเองด้วยท่าทางร้อนรน ก่อนจะไปหยิบกระซองเอกสารสีแดงที่มุมซองเขียนว่า ความคิดเห็นสุดท้ายออกมาอ่าน “ข้อมูลบอกเอาไว้ว่าคนที่กรีดข้อมืออาจจะรอดถ้ามีคนเห็นหรือช่วยไว้ทัน แบบนี้นี่เองมีแผนสำรองเอาไว้ปิดท้ายซินะ สมกับที่เป็นผู้ขายความตายจริงๆ ” คนร้ายอ่านเอกสารจนสีหน้าเปลี่ยนมาเป็นรอยยิ้ม “รอแค่เช้าเท่านั้นทุกอย่างก็จะจบ” คนร้ายเผาซองเอกสารสีแดงจนเหลือแต่เถ้าถ่าน
ทางด้านย้งยี้ที่ออกมาจากห้องกับลูกปลาน้อย ก็คิดแผนที่จะเข้าไปในห้องของคนอื่นๆ ที่เก็บตัวอยู่
“แต่จะเข้าไปในห้องพวกเขายังไง ห้องล็อคแบบนี้” ลูกปลาน้อยพูดกับย้งยี้ก่อนจะเอาหน้ากากมาใส่
“ง่ายนิดเดียว” ย้งยี้โชว์กุญแจสำรองให้ลูกปลาน้อยดู “ฉันไปขอมาจากพี่ชมพู่” ย้งยี้พูดจบก็ไขกุญแจเข้าไปในห้องพี่นางเป็นคนแรก
“ว๊ายยยยย เข้ามาได้ยังไง อย่าเข้ามานะฉันไม่อยากติดโรค” เสียงพี่นางทำท่าตกใจเมื่อเห็นย้งยี้กับลูกปลาน้อยเปิดประตูเข้ามาในห้อง ขณะที่เธอกำลังนอนเกาพุงกินขนมดูข่าวทีวี กับสภาพห้องที่สุดแสนจะรกไปด้วยขยะน้ำอัดลมและน้ำผลไม้
“สภาพห้องแบบนี้ห้องฉันสะอาดไปเลย” ลูกปลาน้อยบ่นดังๆ
“หนูมีอะไรจะถามพี่สองสามข้อแล้วจะไป” ย้งยี้ปิดประตูก่อนจะเดินมานั่งที่ปลายเตียง ขณะที่พี่นางก็ขยับตัวมานั่งหัวเตียงเอาหมอนมากั้น
“ว่ะว่ามา รีบถามแล้วรีบไป” พี่นางบ่นดังๆ
“พี่เคยมาที่นี่มาก่อนรึเปล่า” ย้งยี้ที่ทำเป็นไม่สนใจอาการรังเกียจของพี่นาง
“เคยมาเป็นครั้งแรก ก็เห็นว่าชมพู่บ้านนางรวยเลยพามาเที่ยวเพื่อหนีโรค” พี่นางตอบด้วยท่าทางหมวดกลัวย้งยี้ก่อนจะรีบเอาผ้าปิดปากมาสวม
“พูดอย่างกับว่าเพิ่งรู้จักกันอย่างนั้นละ” ย้งยี้ถามต่อ
พี่นางพยักหน้า “ชมพู่เป็นนักเรียนใหม่เพิ่งย้ายมาพร้อมๆ กับหนามเตย เอาจริงๆ ก็ไม่ได้สนิทอะไรกับสองคนนั่นหรอนะ แต่ยายหนามเตยตั้งแต่เข้ามาเรียนก็มาตีสนิทพวกเราจนยอมให้เข้ากลุ่ม”
ตัดมาที่พี่แพนที่กำลังออกกำลังกายโดยการทำท่าโยคะในห้องระหว่างที่พวกย้งยี้เข้ามา ภายในห้องนั้นเต็มไปด้วยขนมจานข้าวและน้ำเกลือแร่กับน้ำผลไม้ที่กินเหลือเอาไว้ และพอเห็นทั้งสองคนพี่แพนก็รีบเอาผ้าปิดปากมาสวมทันที
“ชมพู่หรอ เอาจริงๆ ก็ไม่ได้สนิทหรืออยากเอาเข้ากลุ่มหรอก เป็นผู้หญิงเรียบๆ แต่ข่าวว่าบ้านเขารวยมากๆ หนามเตยที่ย้ายมาจากโรงเรียนเดียวกันแนะนำให้พวกเราไปตีสนิท ตอนแรกก็ให้ตันไปจีบๆ แต่ทางนั้นไม่เล่นด้วย ตันมันก็ไม่ยอมแพ้ตามตื๊อแต่สุดท้ายก็ไม่ติด ขนาดหรั่งมันจะจีบชมพู่ก็ไม่สน บ้านรวยขนาดนั้นเป็นฉันก็ไม่เอา” พี่แพนบอกกับย้งยี้เมื่อถามถึงพี่ชมพู่
มาถึงพี่แรโมโบ้ที่กำลังนั่งเล่นเกม เขาไม่ได้กลัวหรือสนใจที่พวกย้งยี้เข้ามา ภายในห้องก็รกไปด้วยขนมอาหารจานข้าวและน้ำอัดลมที่ทิ้งไว้ทั่วห้อง
“ตันกับหรั่งหรอ สองคนนั่นพยายามจีบชมพู่เพื่อให้เธอมาเข้ากลุ่ม แต่จีบเท่าไหร่ก็ไม่ติดแต่พอหล่อๆ อย่างฉันไปคุยแล้วบอกว่าพวกเรากลุ่มอสูรมายา ที่มีชื่อเสียงในโรงเรียนหาดทรายขาวรองมาจากกลุ่มของไอ้ป๋อที่ตายไปตอนคดีต้นกล้วย พูดแค่นั้นยายนั่นก็ยอมมาเข้ากลุ่ม แถมยังเปย์พวกเราไม่อั้น ขนาดบอกว่าอยากเล่นเพลย์สเตชั่น 5 เขาก็หามาให้เล่น” พี่แรมโบ้เล่นเกมไปพูดไปโดยไม่หันมามองย้งยี้กับลูกปลาน้อย
จากนั้นย้งยี้ก็มาสอบถามพี่ชมพู่ที่กำลังล้างจานอยู่ในครัว
“พี่ชมพู่หนูมีอะไรจะถามหน่อย” ย้งยี้เรียกพี่ชมพูให้มานั่งคุยกัน
“ยัยแว่นก่อนแกจะถามอะไรพี่เขา ฉันขอต่อว่าพี่หน่อยนะ” ลูกปลาน้อยพูดเสียงดุใส่พี่ชมพู่ “ทำไมพี่ไปเลือกคบไอ้พวกกลุ่มอสูรมายาพวกนี้กัน พี่รู้รึเปล่าว่าพวกนี้แย่ขนาดไหน ไอ้เรารึก็เอะใจตั้งแต่ตอนแรกที่เจอแล้ว ว่าทำไมทุกคนถึงพูดแบบมะนาวไม่มีน้ำใส่พี่แบบนั้น ตอนนี้รู้แล้ว”
พี่ชมพู่ยิ้มให้ลูกปลาน้อย “เธอไมใช่คนแรกหรอกนะที่พูดแบบนั้น เอาจริงพี่ก็มีเหตุผลที่มาอยู่กับพวกเขานะ” พี่ชมพู่เดินไปเทน้ำร้อนมาดื่มก่อนจะส่งแก้วอีกสองใบให้ย้งยี้กับลูกปลาน้อย “สมัยที่พี่อยู่โรงเรียนเก่าพี่มักจะถูกรังแกบ่อยๆ เพราะพ่อพี่เป็นนักการเมืองใหญ่เลยทำให้พ่อแม่เพื่อนๆ หลายคนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามทางการเมืองไม่ชอบเลยมารังแก พอมาอยู่ที่นี่แล้วแรมโบ้บอกว่าพวกเขาเป็นกลุ่มใหญ่ในโรงเรียนพอๆ กับกลุ่มเก่าที่เพิ่งตายไปเพราะคดีต้นกล้วย พี่เลยขอมาอยู่ด้วย เห็นพวกเขาแบบนี้ก็เถอะแต่ทุกคนก็เป็นคนดีมากๆ เลยนะ ส่วนหนามเตยก็รู้จักกันที่โรงเรียนเก่าแต่ก็ไม่ได้สนิทอะไร แค่บังเอิญย้ายมาเรียนที่เดียวกันเท่านั้น”
“เชื่อตายละ” ลูกปลาน้อยบ่นระหว่างที่กำลังเดินไปที่ห้องของพี่หนามเตยหลังจากที่คุยกับพี่ชมพู่จบ
“ไงสาวๆ “พี่หนามเตยที่มีอาการดีขึ้นเธอนั่งเล่นโทรศัพท์ในห้องที่รกไปด้วยน้ำเปล่าและน้ำผลไม้วางทั่วห้องและไม่ได้เปิดแอร์ ก่อนที่ยังยี้จะถามถึงพี่ชมพู่และการเข้ากลุ่มอสูรมายา
“อ๋อเรื่องชมพู่น่ะหรอ ก็อย่างที่เห็นบ้านเจ๊แกรวยขนาดนี้ แต่โรงเรียนเก่าแก่ถูกรังแกโดนแกล้งบ่อยๆ แต่ก็มีรุ่นน้องที่น่าจะเป็นแฟนกันมั้งมาช่วยปกป้องจนไม่มีใครกล้าแกล้ง เพราะรุ่นน้องคนนั้นพ่อก็เป็นนักการเมืองใหญ่ที่คนนับหน้าถือตา แต่ถึงพ่อทั้งคู่จะอยู่คนละฝ่ายแต่สองคนนั่นก็สนิทกันมาก แต่พอรุ่นน้องคนนั้นย้ายโรงเรียนไปชมพู่ก็โดนแกล้งเหมือนเดิมจนทางพ่อชมพู่รู้เลยขอย้ายโรงเรียนมาที่นี่”
“แปลว่าพ่อของพี่ชมพู่ไม่รู้เรื่องที่พี่ชมพู่โดนรังแกเลยหรอคะ” ย้งยี้ถาม
“ใช่ แต่ทางนั้นก็รู้เรื่องรุ่นน้องที่คบนะแต่พ่อของฝ่ายชมพู่ไม่ว่าอะไร แต่ฝ่ายพ่อรุ่นน้องนั่นไม่ยอมเลยพาย้ายโรงเรียนหนีเข้าว่ามาแบบนั้น พี่ก็รู้มาจากเพื่อนในโรงเรียนเก่าเพราะตัวเองย้ายมาก่อน” พี่หนามเตยดื่มน้ำอัดลมเมื่อพูดจบ “ไม่ชอบน้ำอัดลมเลย”
“ไม่ชอบก็ไม่ต้องกินซิคะ” ลูกปลาน้อยที่ชอบน้ำอัดลมตอบแบบไม่พอใจ
“ก็มันไม่มีน้ำจะกินนี่นา น้ำเปล่าก็กินหมดแล้วขี้เกียจลงไปเอา” พี่หนามเตยบี้กระป๋องก่อนจะปาทิ้งลงถังขยะแต่พลาด “คงเพราะได้น้ำตาลจากน้ำอักลมก็เลยดีขึ้นมั้ง”
ย้งยี้ที่มองกระป๋องตามมือของพี่หนามเตยที่ปากระป๋องไม่ลงถังขยะ “แล้วทำไมพี่ถึงมาเข้ากลุ่มอสูรมายา แถมยังพาพี่ชมพู่มาร่วมด้วย”
“ก็อย่างที่เห็นยายนั่นบ้านรวย แค่บอกไปว่าพวกนี้จะปกป้องเธอได้ แค่นี้ยายนั่นก็พร้อมเปย์แล้ว แต่เดี๋ยวนะ นี่เธอเป็นนักสืบรึไง จะมาสอบปากคำหาตัวคนร้ายหรอ” พี่หนามเตยพูดยิ้มๆ กับย้งยี้แต่อีกฝ่ายเฉยไม่ตอบอะไร “อันแน่หรือว่าอยากจะเล่นเป็นนักสืบแบบเจ้าชายบ้าง หมอนั่นเก่งมากๆ เลยนะ ทั้งหล่อทั้งฉลาดแถมยังเป็นนักสืบที่ไขคดียากๆ ได้อีก เป็นใครก็อยากจะทำแบบหมอนั่นบ้าง”
“จะว่าแบบนั้นก็ได้นะคะ แต่คนที่ไขคดีและจับตัวคนร้ายในคดีต้นกล้วยในตอนนั้นคือยายนี่ค่ะ” ลูกปลาน้อยที่ทนไม่ไหวพูดขึ้นมา
“อ้าวไหนข่าวลือว่าเจ้าชายที่ชื่อเจ๋งเป็นคนไขคดีได้” พี่หนามเตยพูดยิ้มๆ
“นั่นก็เป็นข่าวลือ” ลูกปลาน้อยจะพูดต่อแต่ก็ถูกย้งยี้ห้ามเอาไว้ แต่ลูกปลาน้อยก็จะพูดต่อ “และจะบอกอีกอย่างนะคะว่า พวกพี่ๆ เขาลงความเห็นว่าที่พี่ตันกับพี่หรั่งตายเพราะติดโรคมาจากพี่ที่ถูกผลักลงสระเมือตอนเย็น จนสองคนนั่นที่ไปเล่นน้ำติดเชื้อมาจากพี่”
“ว่าไงนะ” พี่หนามเตยมีท่าทางหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด
“ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะคะ” ย้งยี้พูดจบก็เดินออกมาจากห้อง ทิ้งพี่หนามเตยนั่งงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น
“โทดทีนะแกพอดีมันอดไม่ได้ที่เห็นแบบนี้” ลูกปลาน้อยพูดกับย้งยี้ แต่ดูเหมือนย้งยี้จะไม่ได้ฟังที่ลูกปลาน้อยพูดเลยจนเมื่อมาถึงที่ห้อง
“แกเมื่อกี้พี่ชมพู่มาบอกว่าอินเทอร์เน็ตใช้ได้แล้ว เขาว่าพรุ่งนี้เช้าจะเปิดถนนเอารถพยายามมาช่วย” ฟ้าบอกกับเพื่อนทั้งสองคนแต่ย้งยี้กลับไม่สนใจ
“ดีเลย” ย้งยี้หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเพื่อกดหาอะไรบางอย่าง ก่อนจะนั่งอยู่ตรงนั้นอยู่นานสองนานเป็นชั่วโมง ก่อนจะลุกออกไปจากห้อง โดยคราวนี้ฟ้าเป็นคนไปเป็นเพื่อนกับย้งยี้แทนลูกปลาน้อย
“จะไปไหนแก” ฟ้าถามย้งยี้
“ไปห้องคนตายฉันอยากเห็นอะไรนิดหน่อย” ย้งยี้พูดด้วยน้ำเสียงแน่นิ่งจริงจัง
ทั้งสองคนเข้ามาในห้องของพี่ตันที่ตอนนี้ศพของเขาถูกย้ายเข้ามาในห้องและมีผ้าคลุมเอาไว้ ขณะที่ในห้องของพี่ตันนั้นกลับดูสะอาดขวดน้ำเปล่าที่ดื่มแล้ววางเป็นระเบียบ จะมีแค่คราบของอ้วกที่พี่ตันอ้วกทิ้งเอาไว้ ที่มีทั้งในห้องน้ำและข้างนอกรวมถึงในถังขยะและบนที่นอน
“เขาคงจะเป็นหนักมากๆ ดูจากสภาพแล้ว” ฟ้าอุทานออกมาเบาๆ พลางขยับผ้าปิดปาก
“ตอนที่เราพบศพครั้งแรกพี่เขานอนอยู่ที่หน้าประตู แขนข้างซ้ายยื่นออกมาข้างหน้าแขนข้างขวาถูกทับเอาไว้” ย้งยี้ดูรูปในโทรศัพท์มือถือก่อนจะดูสภาพภายในห้อง
“เป็นฉันที่มีอาการแบบนี้ก็คงอยากจะขอความช่วยเหลือ” ฟ้าพูดขึ้นมาระหว่างที่ย้งยี้เดินหาบางอย่างที่เตียง “หาอะไรหรอ” ฟ้าถามย้งยี้
“หาโทรศัพท์ เป็นฉันถ้าป่วยจนอ้วกแบบนี้สิ่งแรกที่จะทำคือหาโทรศัพท์เพื่อโทรไปขอความช่วยเหลือ ก่อนจะเปิดประตูไปหาเพื่อนๆ แต่โทรศัพท์กลับชาร์ตอยู่ที่ทีวี อ่ะโชคดีที่โทรศัพท์ไม่ได้ล็อกรหัสเอาไว้ เดี๋ยวนะ” ย้งยี้ที่เปิดโทรศัพท์ของพี่ตันจนเห็นอะไรบางอย่าง ภายในนั้นคือคลิปวิดีโอการเต้นออกกำลังกายโชว์กล้ามเนื้อของเขา ที่เพิ่งจะเกิดขึ้นก่อนเสียชีวิตไม่กี่ชั่วโมง
“พี่เขายังดูปกติอยู่เลยนะ” ฟ้าที่ยืนดูด้วยพูดขึ้นมา “หรือว่าเชื้อมันจะค่อยๆ แสดงอาการรึเปล่า แบบเป็นมานานแล้วหลังจากออกกำลังกาย แล้วร่างกายคงจะปรับตัวไม่ทันจนอาการกำเริบ”
“แต่เท่าที่รู้มาพวกนั้นก็ไม่ได้ไปที่ไหนที่เสี่ยงจะติดโรคเลย แถมทุกคนยังคงความเห็นว่าพี่ตันติดเชื้อจากการไปเล่นน้ำในสระที่พี่หนามเตยตกลงไป นั่นก็แปลว่าเชื้อโค 19 มันติดต่อรวดเร็วมาก ซึ่งไม่ว่ายังไงมันก็เป็นไปไม่ได้ในแง่ของความเป็นจริง” ย้งยี้พูดระหว่างที่ในคลิปพี่ตันที่เต้นเสร็จก็ดื่มน้ำขวดสุดท้าย ก่อนจะไปเปิดตู้เย็นหยิบน้ำออกมาเต้นต่อจนจบ “ต่อให้เป็นเชื้ออีโบร่าก็ยังต้องใช้เวลาฟักตัวหลายวันกว่าจะเกิดอาการ นี่มันคือการวางยาพิษอย่างแน่นอน” ย้งยี้มองไปทางขวดน้ำในตู้เย็น
“อย่าบอกนะว่าแกจะลองกิน” ฟ้าพูดขึ้นมาด้วยความตกใจ
“ถ้าดูจากในคลิปพี่ตันต้องดื่มในปริมาณที่มากกว่าจะเกิดอาการ ถ้าฉันลองกินในปริมาณที่ไม่มากก็คงจะไม่เป็นอะไรถึงชีวิต แต่คงจะมีอาการบางอย่างที่แสดงให้รู้ว่าฉันดื่มยาพิษ” ย้งยี้เปิดตู้เย็นหยิบน้ำเปล่าขึ้นมา ที่ถึงแม้จะคิดแบบนั้นแต่การลงทุนดื่มน้ำที่น่าสงสัยว่าจะมียาพิษก็เป็นอะไรที่เสี่ยง “ถ้ายังไงก็เตรียมนมให้ด้วย มันช่วยล้างพิษได้”
“โอเค” ฟ้ารีบไปหยิบนมกล่องมาเตรียมเอาไว้
ย้งยี้กลืนน้ำลายก่อนจะกลั้นใจดื่มน้ำลงไปหลายอึก
“เป็นไงบ้างแก” ฟ้าถามด้วยความเป็นห่วง ก่อนที่ย้งยี้จะดื่มลงไปอีกจนหมดขวดก็ไม่เกิดอะไรขึ้น
“ไม่เป็นอะไร” ย้งยี้บอก เธอมองขวดน้ำด้วยท่าทางสงสัย “ปกติถ้าเป็นยาพิษต้องเห็นผลไปแล้วแต่นี่กลับปกติแม้แต่รสก็ไม่มี”
ทั้งคู่ออกมาจากห้องของพี่ตันเพื่อไปยังห้องของพี่หรั่ง โดยที่มีร่างเงาคอยแอบดูอยู่ห่างๆ ด้วยความระแวง
เมื่อมาถึงห้องย้งยี้ก็เห็นศพของพี่หรั่งที่นอนตายบนเตียงถูกผ้าคลุมอยู่ และแน่นอนว่าย้งยี้ก็มาดื่มน้ำเปล่าที่ห้องนี้ด้วยแต่ก็ไม่มีอะไรอย่างที่คิด
“ไม่ใช่มาเกิดอาการทีหลังนะ ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับแกฉันจะทำยังไง” ฟ้าพูดเสียงสั่น
“ฉันไม่เป็นอะไรหรอกนาแกก็” ย้งยี้เดินมาที่หน้าต่างของห้องพี่หรั่งที่ปิดสนิท แต่บนพื้นกลับมีตัวด้วงกับผีเสื้อกลางคืนตายในห้องอยู่หลายตัว
“ที่ห้องเราก็มีนะมันชอบบินเข้ามาเล่นแสงตอนเปิดหน้าต่าง” ฟ้าพูดขึ้นมาเมื่อเห็นย้งยี้หยิบแมลงที่ตายแล้วขึ้นมาดู
ย้งยี้เขี่ยแมลงเหล่านั้นไปมาก่อนจะดมมันด้วยความสงสัย ก่อนที่จะทิ้งแมลงเหล่านั้นแล้วไปดมผ้าม่าน ย้งยี้ไล่ดมไปตามสถานที่ต่างๆ ในห้องของพี่หรั่งและพี่ตันก่อนจะรีบวิ่งออกไปที่หน้าบ้านเพื่อคุ้ยถังขยะใหญ่ที่หน้าบ้าน โดยมีฟ้าที่ไปหาร่มมากางระหว่างที่ย้งยี้หาของในถังขยะนั้น
“เจอแล้ว” ย้งยี้บอกกับตัวเองเมื่อใช้โทรศัพท์ส่องหาอะไรบางอย่างจนเจอ
“เจออะไรหรอ” ฟ้าถามด้วยความสงสัยก่อนที่ย้งยี้จะหันไปเห็นเรือนกระจกที่เป็นโรงเพาะชำดอกไม้มากมายในนั้น
ทั้งคู่เดินเข้าไปดูที่ภายในนั้นถูกปรับอุณหภูมิอย่างดี ที่มีทั้งดอกไม้ต้นไม้มากมายที่พวกย้งยี้ไม่รู้จัก ย้งยี้กดโทรศัพท์เพื่อค้นหาอะไรบางอย่างพร้อมทั้งเดินไปมาดูดอกไม้ต้นไม้ต่างๆ อยู่นานโดยที่มาพูดอะไร และตอนนั้นเองลูกปลาน้อยก็โทรเข้ามาเพื่อบอกอะไรบางอย่างที่เป็นข้อมูลสำคัญที่เหมือนเป็นตัวต่อชิ้นสุดท้ายที่ย้งยี้ตามหา
“โทรมาได้จังหวะเลย ขอบใจมาก” ย้งยี้เก็บโทรศัพท์ลงกระเป่ากางเกง ตอนนี้ในหัวของย้งยี้กำลังเล่นวิดีโอความทรงจำต่างๆ ที่กำลังวิ่งไปมาอย่างไม่เป็นระเบียบให้เข้าที่เหมือนต่อจิ๊กซอร์รูปขนาดใหญ่ ที่ตอนนี้รูปทั้งหมดมันเรียงออกมาจนครบตามที่เธอต้องการแล้ว
“อย่าบอกนะว่า” ฟ้ายิ้มออกมาเมื่อเห็นสีหน้าแววตาของย้งยี้ตอนนี้
“ฉันไขปริศนาทุกอย่างออกหมดแล้ว”
.................................
ตอนนี้เวลาตี 4 ร่างเงาดำกำลังเดินออกมาจากจากบ้านพร้อมกับถังน้ำมันขนาดใหญ่เหมือนต้องการจะทำอะไรบางอย่าง
“คิดจะทำลายหลักฐานเป็นการปิดท้ายใช่ไหมคะ” ย้งยี้ที่แอบอยู่ในเงามืดพูดขึ้นมาจนร่างเงาตกใจทิ้งถังน้ำมันจนหล่นบนพื้น
“.............” คนร้ายในเงามืดถอยหลังเตรียมทำท่าจะหนีแต่ก็ถูกฟ้าและลูกปลาน้อยดักอยู่ข้างหลัง ขณะที่ตอนนี้ก็มีร่างเงาที่เป็นคนอื่น ๆ อีก 5 คนยืนอยู่ข้างหลังย้งยี้
“เป็นความคิดที่โหดร้ายมากเลยนะคะที่จะฆ่าทุกคนในบ้านเพื่อปิดปาก จากสิ่งที่เกิดขึ้นแม้พวกเขาจะไม่ใช่คนผิด” ย้งยี้คิ้วขมวดมองมาทางคนร้ายที่เป็นร่างเงาที่กำลังยืนเหงื่อตกไม่พูดอะไร
“หมายความว่าไงจะเผาพวกเราทุกคน บ้าไปแล้ว” พี่แรมโบ้ชายร่างอ้วนติดเกมพูดขึ้นมาด้วยท่าทางตกใจ
“ก็สิ่งที่คนร้ายทำมาทั้งหมดจะถูกเปิดเผยทันที ถ้านิติเวชเอาศพที่ตายทั้งสองคนไม่ซิสามคนไปตรวจสอบ เพราะคนร้ายก็คิดที่จะฆ่าพี่ฤทัยไปอีกคน ถ้าจะให้เดานี่คงเป็นแผนสองในกรณีที่พี่ฤทัยไม่ตายหรือมีคนมาพบร่างและช่วยได้ทัน การเผาพี่ฤทัยจึงเป็นการยิงกระสุนนัดเดียวได้นกสองตัว” ย้งยี้อธิบาย
“ที่ว่าถูกเปิดเผยนี่หมายถึงอะไร พูดให้เข้าใจง่ายๆ ไม่ได้รึไง ก็เห็นๆ อยู่ว่าสองคนนั้นมันตายเพราะโรคโค 19 ส่วนฤทัยก็ฆ่าตัวตายเพราะบ้านยายนั่นติดหนี้การแต่งงานกับหรั่งก็เพื่อหาเงินมาใช้หนี้เท่านั้น คนในกลุ่มก็รู้เรื่องนี้ดี ทุกอย่างมันลงเอยแบบนี้ก็ไม่เห็นจะแปลกอะไร” พี่นางสาวสวยร่างเล็กเท้าเอวพูดขึ้นมาด้วยท่าทางไม่พอใจ
“ใช่ ถังน้ำมันนี่เขาอาจจะเอามาเติมน้ำรถหรือทำอะไรก็ได้ แค่เอาถังน้ำมันมาก็ไม่ได้หมายความว่าทางนั้นจะเผาบ้าน เธออาจจะคิดไปเอง” พี่แพนสาวร่างท้วมสวมแว่นพูดแทรกขึ้นมา
ย้งยี้ไม่ตอบอะไรเธอกวาดสายตามาทางร่างเงาอีกคนที่ไม่ใช่คนร้ายซึ่งนั่งอยู่ที่ท้ายรถกระบะที่เปิดด้านหลัง
“เรื่องเป็นหนี้น่ะใช่ถูกอย่างที่พวกแกว่า” พี่ฤทัยที่เป็นร่างเงาซึ่งนั่งท้ายกระบะพูดขึ้นมา “แต่ที่พวกแกไม่รู้คือหรั่งมันชอบผู้ชาย และการแต่งงานของเราในอนาคตก็แค่เรื่องหลอกผู้ใหญ่ ส่วนหนี้ที่พวกแกคิดทางนั้นเขาลบหนี้ไปแล้วตั้งแต่ที่ฉันกับหรั่งมั่นกัน นั่นก็หมายความว่าต่อให้หรั่งมันตายบ้านฉันก็ไม่ต้องใช้หนี้ แล้วฉันจะฆ่าตัวตายทำไม ดีซะอีกฉันจะได้เป็นอิสระไม่ต้องมาอยู่กับผู้ชายแบบนั้น” ทุกคนนิ่งอึ้งพูดอะไรไม่ออก
“แล้วแกฆ่าตัวตายทำไม” พี่นางถามด้วยความสงสัย
“เขาไม่ได้ฆ่าตัวตายแต่ถูกทำให้เหมือนฆ่าตัวตายมากกว่า” ย้งยี้พูดแทนพี่ฤทัย
“จริงหรอ” พี่แพนถามพี่ฤทัยก่อนจะหันมาทางคนร้ายในเงามืด “แกจำตอนที่เกิดขึ้นได้ไหมว่าใครเป็นคนทำ”
พี่ฤทัยส่ายหน้า “ตอนนั้นฉันจำอะไรไม่ได้เลย มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เจอพวกลูกปลาที่ดูแลฉันอยู่ในห้อง”
“แล้วยังไงต่อ ในเมื่อฤทัยก็ไม่รู้ว่าใครเป็นคนร้าย พยานหลักฐานก็ไม่มีแล้วจะกล่าวหาว่าเธอคนนี้เป็นคนร้ายได้ยังไง” พี่แรมโบ้มองมาทางคนร้าย “แถมอีกสองศพที่ตายก่อนหน้านี้ก็ตายเพราะโรคโค 19 แบบที่นางบอก ต่อให้เก่งขนาดไหนก็ไม่มีทางสร้างเชื้อโรคขึ้นมาได้หรอก”
“ถ้าฉันบอกว่าทำได้จะเชื่อไหม” ย้งยี้ขึ้นมาทันทีเมื่อพี่แรมโบ้พูดจบ ก่อนจะส่งสัญญาณให้ลูกปลาน้อยกับฟ้าเดินไปที่สระน้ำแล้วกระโดดลงไปว่ายเล่นอย่างสบายใจ
“พวกเธอทำอะไรน่ะ เดี๋ยวก็ติดโรคโค 19 หรอก” พี่แพนตะโกนออกมาด้วยความตกใจ
“ใช่ แกสองคนไม่เห็นที่ตันกับหรั่งมันตายหรอ” พี่นางพูดเสริม
“ก็เพราะมันไม่มีอยู่จริงยังไงละคะ สองคนนั่นถึงได้กล้าลงไปเล่นน้ำ” ย้งยี้เดินไปลากถังขยะที่เป็นถังสีเขียวซึ่งมีล้อที่เป็นถังขยะของเทศบาลที่ย้งยี้เพิ่งไปคุ้ยหาอะไรบางอย่างมา ก่อนจะใช้ไฟฉายส่องหาอะไรบางอย่างในนั้นและหยิบมันขึ้นมาและโชว์ให้ทุกคนดู
“นี่คือตัวจริงของเชื้อโค 19 ที่คนร้ายใช้ในการฆาตกรรมพี่ตันกับพี่หรั่ง” ย้งยี้โชว์กระป๋องยาฆ่ายุงแบบสเปรย์ที่ถูกเจาะเป็นรูขนาดใหญ่ให้ทุกคนดู
“มิน่าล่ะตอนนั้นที่แกหยิบตัวด้วงกับผีเสื้อกลางคืนมาดมฉันก็งงว่าแกทำไปทำไม” ฟ้าพูดขึ้นมาเมื่อนึกตอนนั้น
“ตอนนั้นฉันเองก็ไม่สงสัยหรอก เพราะมันเป็นเรื่องปกติถ้าเราเปิดหน้าต่างแล้วจะมีแมลงบินเข้ามา แล้วพอเราปิดหน้าต่างแมลงที่ไม่มีทางออกก็จะตายไปเอง และแน่นอนว่าแมลงพวกนั้นไม่มีกลิ่นอะไร แต่พอไปดมที่ผ้าม่านฉันกลับได้กลิ่นยาฆ่ายุงแบบสเปรย์รุนแรงมากๆ และไม่ใช่แค่ห้องของพี่หรั่งห้องของพี่ตันก็มี และเมื่อมาดูที่ถังขยะก็พบกระป๋องแบบนี้หลายกระป๋อง ทุกอย่างมันเลยลงตัวว่าสาเหตุการตายของทั้งสองคนน่าจะมาจากการได้รับก๊าสพิษจากสเปรย์ฆ่ายุง” ย้งยี้พูดไม่ทันจบก็ถูกพี่แรมโบ้แทรกขึ้นมา
“ขอค้าน” พี่แรมโบ้พูดเสียงดัง “มันเป็นไปไม่ได้เลย ลองคิดดูว่าถ้าเธอนอนหลับอยู่ พอมีกลิ่นแปลกๆ ลอยมาแบบนี้เป็นใครก็ตื่นขึ้นมาทั้งนั้น ไม่มีใครบ้านอนต่อหรอก”
“มันเสียมารยาทนะคะที่พูดแทรกคนอื่นขณะที่เขายังพูดไม่จบ” ย้งยี้พูดเสียงดุด้วยท่าทางนิ่งเฉยจนพี่แรมโบ้หุบปากแทบจะในทันที
“แต่ฉันเห็นด้วยกับพี่เขานะ ถ้าเป็นฉันก็คงจะตื่นแล้วถ้าได้กลิ่นฉุนแบบนั้น” ลูกปลาน้อยที่ขึ้นมาจากสระพูดขึ้นมา
“แล้วถ้าตอนนั้นพี่เขาไม่ได้ตื่นขึ้นมาละ” ย้งยี้พูดขึ้นมาพร้อมกับหยิบต้นไม้ที่ออกดอกสีชมพูรูปกรวยเป็นกลีบเรียงเวียนแบบกังหันที่ดูสวยงามให้ทุกคนดู “สิ่งที่เห็นอยู่นี่คือต้นชวนชมดอกไม้ที่สวยงามมากๆ แต่ใครจะรู้ว่าผงไม้หรือน้ำเลี้ยงจากกิ่งและลำต้น ถ้ากินเข้าไปจะทำให้เป็นตระคริวมีอาการชากรรไกรแข็งไปจนถึงการเป็นอัมพาต คนร้ายอาจจะแอบเอาน้ำเลี้ยงจากกิ่งที่มียาพิษผสมในน้ำดื่มในห้องของพี่ทั้งสองคน โดยที่รู้ว่าพี่ทั้งสองคนนั้นเป็นคนเล่นกล้ามพวกเขาจะดื่มแต่น้ำเปล่าและจะไม่ดื่มน้ำผสมน้ำตาลอย่างน้ำอัดลมหรือน้ำผลไม้ และเมื่อกินเข้าในปริมาณที่มากพอก็จะขยับตัวไม่ได้จนถูกรมแก๊สในที่สุด”
“แต่ตอนนั้นแกก็กินน้ำในห้องไปแล้วไม่ใช่หรอ ทำไมไม่เห็นเป็นอะไรเลย” ฟ้าถามด้วยความสงสัย
“ตอนแรกฉันก็คิดแบบนั้น แต่พอไปดูในคลิปที่อยู่ในโทรศัพท์เราเห็นพี่ตันดื่มน้ำตอนออกกำลังกาย แต่ตอนที่ฉันเอาน้ำมาดื่มน้ำยังอยู่เต็มตู้เย็น คนร้ายอาจจะสลับเปลี่ยนหรือเอามาเพิ่มเพื่อปิดหลักฐานก็ได้” ย้งยี้บอก
ทุกคนต่างอึ้งพูดอะไรไม่ออก เมื่อเห็นดอกไม้สีชมพูสุดสวยที่เห็นได้ทั่วไปจะเป็นยาพิษที่รุนแรงได้ขนาดนี้
“ยังไม่หมดนะยังมีต้นยี่โถอีกอย่าง ที่คนร้ายใช้ในการวางยาทุกคนให้มีอาการเหมือนเป็นโรคโค 19” ย้งยี้โชว์ดอกไม้สีขาวดอกรูปทรงกรวยรวมกันเป็นช่อกระจุกตามง่ามใบและปลายกิ่ง ส่วนผลจะเป็นฝักแข็งรูปทรงกระบอก “โดยสิ่งที่เจ้าดอกไม้นี่ทำได้คือใบของมันถ้าบดละเอียดแล้วเอามาดมจะทำให้คลื่นไส้อาเจียนวิงเวียนหน้ามืดหัวใจเต้นไม่สม่ำเสมอ ซึ่งมันจะส่งผลกับทุกคนต่างกันตามปริมาณการสูดดม และฉันก็ไปค้นที่แอร์ในห้องก็พบถุงพวกนี้อยู่ทุกห้อง” ย้งยี้โชว์ถุงผ้าขาวบางที่ใส่ใบไม้สีเขียวที่ถูกบดอย่างดีหลายสิบถุงให้ทุกคนดู
“งั้นที่เรามีอาการเหมือนคนป่วยก็เพราะดมดอกไม้พวกนี้หรอเนี้ย!! ” พี่นางอุทานออกมาด้วยความตกใจ
“งั้นที่ยายฟ้ามีอาการมากที่สุดเพราะมันนอนใกล้แอร์แถมตัวสูงเลยอาจจะได้รับพิษมากกว่าพวกเราสองคน” ลูกปลาพูดขึ้น
“อาจจะใช่ก็ได้ แต่ย้งยี้ก็บอกนี่นาว่าไม่ใช่ทุกคนจะเป็นบางคนก็ไม่แพ้ก็มี ฉันอาจจะแพ้มากกว่าแกสองคนก็ได้” ฟ้าออกความเห็น
ทุกคนต่างมองมาทางคนร้ายในเงามืดเมื่อย้งยี้พูดจบ
“คนที่ทำทุกอย่างที่ฉันพูดมาทั้งหมดได้มีเพียงคนเดียวนั่นก็คือ” ย้งยี้ชี้นิ้วมาที่พี่ชมพู่ท่ามกลางความตกใจของทุกคน
พี่ชมพู่ยิ้มน้อยๆ ที่มุมปาก “แค่ฉันเป็นเจ้าของบ้านที่บังเอิญปลูกต้นไม้พวกนี้ ก็เหมาว่าฉันเป็นคนร้ายมันไม่ใส่ร้ายไปหน่อยหรอ” พี่ชมพู่มองมาทางทุกคน “คนที่มีโอกาสจะเป็นคนร้ายมากกว่าน่าจะเป็นยายนั่น” พี่ชมพู่ชี้นิ้วมาทางพี่หนามเตย “เพราะตั้งแต่มาถึงยายนั่นก็ป่วยมาตลอดแต่จู่ๆ ก็เกิดหายดีเสียอย่างนั้น”
“ฉันเห็นด้วย คนที่ไม่มีใครสนใจมากที่สุดน่าจะเป็นหนามเตยมากกว่าชมพู่” พี่นางเห็นด้วยกับสิ่งที่พี่ชมพู่บอก
“ใช่แก ฉันก็คิดแบบนั้น” ลูกปลาน้อยบอกกับย้งยี้ “ตอนนั้นทั้งวันเราก็เห็นพี่เขาเดินไปเดินมาตลอดจะเอาเวลาไหนไปฆ่าทุกคน ต่างกับพี่หนามเตยที่นอนอยู่ในห้อง แค่เอากุญแจสำรองมาเปิดแล้วก็วางยาฆ่ายุงก่อนจะออกมาแค่นี้ก็ได้แล้วไม่ใช่หรอ”
“ใช่ไหมล่ะ” พี่ชมพู่มองมาทางย้งยี้ด้วยสายตาพออกพอใจ
“ฉันไม่ใช่คนร้ายนะ” พี่หนามเตยถูกทุกคนมองมาเมื่อพี่ชมพู่พูดจบ “คิดดีๆ ซิว่าฉันเองเป็นคนที่ถูกวางยาเหมือนคนอื่นๆ จะเอาแรงที่ไหนไปทำอะไรแบบนั้น”
“แต่แกก็แกล้งไม่สบายได้” พี่แรมโบ้พูดขึ้นมา
ทุกคนต่างถกเถียงกันโดยที่ย้งยี้ไม่พูดอะไร เธอมองมาทางพี่ชมพู่ที่ยิ้มให้เพราะตอนนี้ทางนั้นเหมือนจะมีหลักฐานยืนยันให้ตัวเองแบบชัดจน
“เอาละทุกคน อย่าเพิ่งเถียงกันฟังคุณนักสืบพูดให้จบก่อน” พี่ชมพู่บอกทุกคนจนความเงียบกลับมาอีกครั้ง
ย้งยี้ถอนหายใจเบาๆ ก่อนพูดออกมา “ก่อนจะไปถึงตรงนั้นขอย้อนมาที่คดีของพี่ตันที่สภาพศพคือนอนคว่ำหน้าครึ่งตัวออกมาทางประตูห้อง ตอนนั้นทุกคนคงจะคิดว่าพี่ตันพยายามตะเกียดตะตายคลานออกมาจากห้องเพื่อมาขอความช่วยเหลือ แต่ความเป็นจริงแล้วพี่ตันถูกคนร้ายลากออกมาจากห้องเพื่อให้ทุกคนเห็นว่าพี่เขาเสียชีวิตแล้ว” ย้งยี้มองมาทางพี่ชมพู่ “และแน่นอนว่าพี่ต้องเช็ดรอยนิ้วมือออกไปจนหมดทั้งที่แอร์ที่ขวดน้ำหรือที่กระป๋องสเปรย์ จนแม้แต่ตำรวจก็ไม่สามารถตรวจได้ว่าใครจับกระป๋องเหล่านั้น” ย้งยี้หยิบกระป๋องสเปรย์ยาฆ่ายุงขึ้นมาและมองมาทางเธอ
“แล้วยังไงต่อคุณนักสืบ” พี่ชมพูดพูดยิ้มๆ ในท่ากอดอก
“ย้อนกลับไปตอนที่พวกพี่มาถึงที่นี่ตอนนั้นพี่ชมพู่ก็แกล้งผลักพี่หนามเตยให้ตกลงไปในน้ำ เพราะมันคือหนึ่งในแผนที่วางเอาไว้เพื่อให้ทุกคนกลัวเชื้อโค 19 จนแยกจากกันเพื่อง่ายต่อการลงมือตามแผน เพราะหลังจากที่ทุกคนต่างกลัวติดเชื้อก็จะแอบอยู่ในห้องของตัว และหลังจากพี่หนามเตยตกน้ำพี่ก็ใช้น้ำผสมยาพิษให้พี่หนามเตยกิน จนมีอาการป่วยจนออกไปไหนไม่ได้ และก่อนที่ทุกคนจะเข้าพักพี่ชมพู่ก็แอบเอาน้ำผสมยาพิษมาไว้ในตู้เย็นของพี่ตันเป็นคนแรก” พี่ชมพู่พยักหน้ารับที่ย้งยี้พูดโดยไม่ตอบโต้อะไร “และด้วยอะไรบางอย่างพี่จึงหลอกให้พี่ตันกับพี่หรั่งไปเล่นน้ำ แผนการกระจายเชื้อจึงเริ่มนับจากนั้น เพราะหลังจากนั้นพี่ตันก็เข้ามาในห้องตัวเองและอัดคลิปออกกำลังกายก่อนจะดื่มน้ำ แล้วก็เกิดอาการเกร็งเป็นอัมพาตชั่วคราว ซึ่งพี่ชมพู่ที่มีกุญแจสำรองก็เข้ามาดูจนเห็นว่าพี่ตันนอนแน่นิ่งไปแล้ว จึงเจาะกระป๋องสเปยร์ก่อนออกมาจากห้อง และใช้ช่วงเวลาที่คนไม่สนใจไปเปลี่ยนน้ำในห้องพี่หรั่งกับพี่ฤทัย ก่อนรุ่งเช้าที่ทุกคนยังไม่ตื่น พี่ก็มาลากศพพี่ตันมาที่ประตูเช็ดรอยนิ้วมือของตัวเองและเก็บกระป๋องไปทิ้ง ซึ่งแน่นอนว่าช่วงเวลาหนึ่งคืนกลิ่นที่มีอยู่ต้องหายไปจนหมด” ทุกคนคิดภาพตามที่ย้งยี้บอก
“...................” ทุกคนนิ่งเงียบไม่มีใครพูดอะไรออกมา
“หลังจากพบศพพี่ตันตอนนั้นพี่ฤทัยกับพี่หรั่งก็ดื่มน้ำที่ผสมยาพิษไประดับหนึ่งแล้ว เขาจึงมีอาการไอจนทำให้พวกเขาไม่ได้ขึ้นรถมาด้วย พี่จึงใช้ช่วงเวลานั้นหลอกพี่หรั่งให้กินยานอนหลับแทนยาแก้ไข้” ย้งยี้มาทางลูกปลาน้อย “ถ้าทุกคนคิดไม่ออกก็คงจะเป็นตอนที่ลูกปลากับพี่ชมพู่เอายามาให้พี่หรั่งและพี่ฤทัยกิน ตอนที่พวกฉันขับรถออกไปจนเจอถนนขาด”
“ตอนนั้นนี่เองจำได้แล้ว” ลูกปลาน้อยพูดขึ้นมา
“และเมื่อรอจนได้เวลาพี่จึงแอบเอาสเปรยฆ่ายุงที่เจาะรูไปไว้ในห้องของพี่หรั่งก่อนจะปิดประตูและออกมา ซึ่งเอาจริงๆ มันใช้เวลาแค่ไม่กี่วินาทีลูกปลาที่อยู่ด้วยจึงไม่ทันรู้ตัว และกว่าที่พวกฉันที่ขับออกไปจนรู้ว่าถนนขาดจนไปถึงช่วงเวลาที่ขึ้นไปที่ห้องของพี่หรั่ง มันก็นานมากพอที่จะทำให้กลิ่นจากสเปรย์ฆ่ายุงจางไปมากแล้วจนอาจจะไม่ได้กลิ่น บวกกับที่พวกเราที่ถูกวางยาผ่านแอร์โอกาสที่จะไม่ได้กลิ่นก็อาจจะเป็นไปได้”
“.........” ทุกคนพูดกันเบาๆ กันเอง แต่ก็ไม่มีใครพูดเสียงดังแย้งออกมา ขณะที่พี่ชมพู่ยืนนิ่งไม่กล้าพูดอะไรออกมา
“หลังจากนั้นชมพู่ก็เอายามาให้ฉันกินอีกรอบซึ่งคราวนี้มันก็เป็นยานอนหลับไม่ใช่ยาแก้ไข้” พี่ฤทัยพูดขึ้นมา “แกคงรอจนฉันหลับได้ที่ ก็กรีดข้อมือฉันแล้วแกล้งทำเป็นตกใจบอกว่าฉันฆ่าตัวตายเพื่อให้ทุกคนมาเห็น” พี่ฤทัยมองมาทางพี่ชมพู่ด้วยสายตาไม่พอใจ
“หึ หึ” พี่ชมพู่หัวเราะเบาๆ “แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นก็ไม่มีหลักฐานยืนยันว่าฉันเป็นคนทำอยู่ดี ฉันอาจจะหยิบยาผิดก็ได้ หรือไม่ก็เธอนั่นล่ะที่กรีดข้อมือตัวเองแต่ใส่ร้ายฉัน เพราะอิจฉาว่าฉันบ้านรวยกว่าเธอ”
“ว่าไงนะ! ” พี่ฤทัยโกรธจนหน้ามืดเธอไม่มีแรงแม้แต่จะเดิน
“แล้วยังไงต่อคุณนักสืบมีหลักฐานอะไรมายืนยันไหม” พี่ชมพู่ถามย้งยี้
“ก็อย่างที่เล่าไปเมื่อกี้มันคือหลักฐานทั้งหมดที่มี” ย้งยี้กอดอกขณะพูด “แต่ขอเพิ่มเติมคือกางเกงและกล้ามท้องของพี่ตันตอนที่พี่ลากเขานั้น พี่ต้องใช้แรงทั้งหมดที่มีดึงร่างผู้ชายตัวโตที่ตายแล้วลงมาจากเตียง แต่พี่ตันดันไม่ใส่เสื้อจึงทำให้ลากยากขึ้นไปกว่าปกติ ตอนที่ลากพี่คงต้องถอดถุงเท้าจนเป็นเท้าเปล่าเพื่อไม่ให้ลื่น ตอนนั้นล่ะที่ดีเอ็นเอจากเท้าของพี่ได้ติดลงไปบนพื้น และตัวของพี่ตันที่ถูกพี่ลากก็ได้เช็ดดีเอ็นพี่เอาไว้กับตัวเรียบร้อย”
ภาพตัดมาที่พี่ชมพู่กำลังลากศพที่ตันลงมาจากที่นอนด้วยความลำบาก ก่อนที่เธอจะถอดถุงเท้าที่สวมเพื่อไม่ให้ลื่นตอนลากศพ ซึ่งพี่ชมพู่ต้องดึงสุดแรงเพื่อจะลากพี่ตันที่ตายแล้วมาที่ประตู ซึ่งทุกย่างก้าวที่พี่ชมพู่เดินลากศพนั้นก็ได้เอาดีเอ็นเอที่พื้นติดไปกับศพด้วยโดยไม่รู้ตัว
“ถ้าตำรวจเอาศพไปชันสูตรต้องพบรอยดีเอ็นเอที่ว่าอย่างแน่นอน ซึ่งไม่ว่าจะแก้ตัวยังไงก็ไม่มีทางดิ้นหลุด เพราะนั่นคือหลักฐานที่ยืนยันว่าพี่เป็นคนลากศพพี่ตันให้มาที่ประตู” ย้งยี้มองมาทางพี่ชมพู่ยืนนิ่งพูดอะไรไม่ออก
“เธอโกหกฉันใช่ไหม ฉันไม่เชื่อหรอก” พี่ชมพู่เหงื่อออกเต็มหน้าทั้งที่อากาศเย็น
“พี่ก็น่าจะรู้แล้วว่าใครเป็นคนไข้คดีต้นกล้วย ก่อนหน้านั้นยายนี่ก็ช่วยตำรวจไขคดีมากแล้วมากมาย ไม่แปลกที่ยายนี่จะรู้วิธีการตรวจชันสูตรของตำรวจดีกว่าพวกเรา” ฟ้าช่วยพูดยืนยัน
“พี่เคยได้ยินคดีฆาตกรรมนักการทูตบนเครื่องบินไหม รวมถึงคดีดาราที่ถูกฆาตกรรมปริศนาในลิฟต์ยายนี่ก็เป็นคนไข้คดี แค่ทางเจ้าตัวขอทางตำรวจให้ปิดเรื่องนี้เอาไว้” ลูกปลาน้อยช่วยพูดเสริมจนทุกคนที่ได้ฟังต่างพากันมองมาทางย้งยี้
“และถึงไม่มีดีเอ็นเอที่ว่าหลักฐานที่มีตอนนี้ถ้าเอามาตรวจก็คงจะสาวถึงพี่ได้ไม่อยากเหมือนกัน” ย้งยี้พูดด้วยสายตาแข็งกร้าวจริงจัง
พี่ชมพู่มองมาทางย้งยี้จากแววตาที่แข็งกร้าวเปลี่ยนมาเป็นแววตาของคนที่พ่ายแพ้ “ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ ฉันคงจะไม่มีอะไรเถียงแล้ว” พี่ชมพู่หัวเราะออกมาเบาๆ ทั้งน้ำตา
“แกจะฆ่าพวกฉันทำไม” พี่ฤทัยตะโกนถามพี่ชมพู่ด้วยความโมโห
“พวกแกไม่รู้จริงๆ หรอว่าเพราะอะไร” พี่ชมพู่ตาแดงด้วยความโกรธทั้งน้ำตามองมาทางพวกพี่ฤทัย ก่อนจะโชว์ข่าวในโทรศัพท์ให้ทุกคนดู
“นักเรียนหญิงแขวนคอฆ่าตัวตายในบ้านพักอย่างปริศนา” ย้งยี้อ่านสิ่งที่อยู่ในโทรศัพท์ “พบศพนางสาวชัญญา เพ่งรัศมี นักเรียนหญิงวัย 17 ปีแขวนคอตายในห้องพักหลังย้ายโรงเรียนมาไม่ถึงอาทิตย์”
“นี่ไม่ใช่ข่าวโรงเรียนเรานี่นา” ลูกปลาน้อยพูดขึ้น ขณะที่พวกพี่ฤทัยหน้าซีดเมื่อได้ยินชื่อนามสกุลนี้
“เขาตายแล้วหรอ นึกว่าแค่ย้ายโรงเรียนหนีเฉยๆ ” พี่แพนอุทานออกมาเบาๆ
“เขาคือเพื่อนสนิทของพี่ที่ย้ายโรงเรียนมาที่นี่ใช่ไหมคะ” ย้งยี้ถามพี่ชมพู่ขณะที่เธอพยักหน้ารับ ก่อนจะหันมามองรุ่นพี่ทุกคนที่ไม่มีใครพูดอะไร
“พวกแกจำชื่อนี้ได้ใช่ไหม” พี่ชมพู่พูดเสียงดุ “แกรู้ไหมว่าชัญต้องเจออะไรมาบ้าง เธอได้เล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้ฉันอ่านทุกอย่างผ่านอีเมลก่อนจะฆ่าตัวตาย”
พี่ชมพู่บอกกับพวกย้งยี้และทุกคนว่า หลังจากที่พี่ชัญลาออกจากโรงเรียนเดิมเขาก็ย้ายมาเรียนที่โรงเรียนหาดทรายขาววิทยา แต่เรียนได้ไม่นานก็ย้ายไปเรียนที่อื่นก่อนจะพบว่าพี่ชัญฆ่าตัวตาย แต่ทางตำรวจก็หาสาเหตุการฆ่าตัวตายไม่ได้ มีเพียงพี่ชมพู่เท่านั้นที่รู้ทุกอย่างจึงทำเป็นถูกแกล้งจากเพื่อนๆ ในโรงเรียนเก่าเพื่อหลอกพ่อแม่ให้ย้ายตัวเองมาเรียนที่โรงเรียนนี้ แต่เมื่อมาถึงพี่ชมพู่ก็ไม่รู้เลยว่าจะเริ่มต้นสืบจากไหน จนเมื่อพี่หนามเตยไปแนะนำให้พวกพี่ฤทัยมาทาบทามพี่ชมพู่ให้เข้ากลุ่ม โดยตอนนั้นพี่แรมโบ้พูดถึงชื่อกลุ่มอสูรมายาพี่ชมพู่จึงรู้ทันทีว่าพวกนี้คือกลุ่มคนที่ทำร้ายเพื่อนของเขา
“ตอนนั้นฉันเกือบจะยอมแพ้แล้วเพราะไม่ว่าจะตามหาพวกแกอย่างไรก็ไม่เจอ จนเมื่อพวกแกเรียกตัวเองว่าอสูรมายาฉันถึงได้รู้และเตรียมแผนการเพื่อจะแก้แค้น” พี่ชมพู่เปิดคลิปวิดีโอที่เป็นการกระทำอันเลวทราม ที่ในคลิปนั้นมีพี่ชัญที่ถูกทำร้ายโดยมีพี่ตันพี่หรั่งอยู่ในวิดีโอ แต่ก็ได้ยินเสียงของพี่ฤทัยที่เป็นคนถ่าย
“ถ้าแกไม่จ่ายค่าวิดีโอนี้ฉันจะปล่อยมันลงเน็ต ทีนี้ทุกคนก็จะเห็นจนหมด” เสียงพี่ฤทัยพูดกับร่างของพี่ชัญที่เปลือยเปล่า
“พวกแก” พี่นางพูดเสียงสั่นเมื่อเห็นสิ่งที่เพื่อนๆ ทำ
“มิน่าล่ะตอนนั้นพวกแกถึงได้มีเงิน แกเอามาจากที่นี่เอง” พี่แรมโบ้พูดกับพี่ฤทัย
“หลังจากที่เกิดเรื่องชัญก็ย้ายโรงเรียนไป แต่พวกแกก็ไม่เลิกที่จะรังควานชัญ ยังตามมาสูบเลือดจากเธอ แกรู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น พ่อของชัญที่ตกงานได้ฆ่าตัวตายทิ้งหนี้เอาไว้มากมาย ส่วนชัญที่ถูกพวกแกสูบต้องทำในสิ่งผิดกฎหมายเพื่อเอาเงินมาให้แก จนสุดท้ายเธอก็ฆ่าตัวตายเพื่อหนีทุกอย่าง แกว่าแบบนี้ฉันควรที่จะให้อภัยพวกแกรึเปล่า” พี่ฤทัยไม่กล้าสบตาพี่ชมพู่ที่กำลังพูดและมองมาทางเธอ
“พวกแกนี่สุดๆ จริงๆ เสียแรงที่เป็นเพื่อนกันมา” พี่แพนคิ้วขมวดมองมาทางพี่ฤทัย
ฟ้ากับลูกปลาน้อยมองมาทางย้งยี้
“พวกแกก็ร่วมใช้เงินก็ถือว่าผิดด้วย! ” พี่ฤทัยตะโกนว่าเพื่อนๆ
“แต่ถ้าฉันรู้ว่าเงินนั่นมาจากเรื่องแบบนี้ฉันคงไม่ใช้หรอก” พี่นางตะโกนกลับ
“พลาดไปจริงๆ นี่ถ้าทำตามที่เอกสารบอกทุกอย่างก็คงไม่เป็นแบบนี้ซินะ” พี่ชมพู่พูดขึ้นมาระหว่างที่พี่ฤทัยเถียงกับพี่นางและทุกคน
“พี่ซื้อคดีฆาตกรรมจากความคิดเห็นสุดท้ายมาใช่ไหม” ย้งยี้ถามพี่ชมพู่
“ต้องพูดว่าทางนั้นเสนอตัวมาขายมากกว่า” พี่ชมพู่พูดยิ้มๆ “ในนั้นไม่ได้บอกให้ฉันรับคนนอกเข้ามาเพิ่ม แต่ฉันคิดว่าถ้ามีคนมาเพิ่มก็จะเพิ่มพยานให้มากขึ้น แต่กลับเป็นว่าฉันกลับเรียกคนที่จะเปิดโปงคดีมาแทน” พี่ชมพู่มองมาทางพวกพี่นาง “ฉันรู้ว่าพวกแกไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องนี้ การเผาบ้านฉันแค่จะทำลายศพกับฆ่าฤทัยเท่านั้น แต่แผนดันมาพลาดเสียก่อน”
เสียงรถตำรวจและพยาบาลมาถึงที่เกิดเหตุหลังจากที่พี่ชมพู่สารภาพทุกอย่างจนถูกตำรวจจับ
หลายวันหลังจากนั้นเรื่องกลุ่มอสูรมายาที่ทำเรื่องแย่ๆ ก็ถูกชมรมหนังสือพิมพ์เปิดโปงด้วยการเขียนข่าวของลูกปลาน้อย แต่ทางหนังสือพิมพ์ก็ปิดเรื่องพี่ชมพู่เอาไว้ไม่ให้คนในโรงเรียนทราบเรื่อง และบอกว่าเธอได้ย้ายโรงเรียนไปแล้ว
“แล้วเจอกันนะ” ย้งยี้โบกมือให้พัชรีเพื่อนร่วมห้อง 4/7 ก่อนจะเดินลงมาจากอาคารเรียนแล้วเจอชายหนุ่มหน้าตาดีสวมแว่นตาสีดำยืนล้วงกระเป๋ากางเกง ขณะที่นักเรียนสาวๆ ต่างพากันถ่ายรูปเหมือนเห็นดารา ซึ่งชายคนนี้ชื่อเจ๋งและมีฉายาในโรงเรียนว่าเจ้าชาย
“ขอบคุณที่ช่วยปิดข่าวเรื่องพี่ชมพู่” ย้งยี้ขอบคุณเจ้าชายเพราะเขาคือคนที่ปิดข่าวที่เป็นความจริงและสร้างข่าวลือต่างๆ ออกมาเพื่อบิดเบือนความจริงในการปกป้องผู้ต้องสงสัยที่ยังเป็นเยาว์ชนและผู้เสียชีวิต เพื่อให้มีโอกาสกลับมาใช้ชีวิตตามปกติหลังรับโทษแล้ว โดยมีเพียงตำรวจเท่านั้นที่รู้ความจริง
“ถ้าเป็นเรื่องของความคิดเห็นสุดท้ายผมขอเกี่ยวด้วยหมด” เจ้าชายบอกก่อนจะส่งเอกสารบางอย่างให้ย้งยี้ดู “นี่คือคำให้การของรุ่นพี่ที่บอกถึงความคิดเห็นสุดท้ายที่ก็เหมือนกับคนอื่น คือมีเอกสารมาหาที่ห้องพร้อมบัญชีปลอมในการโอนเงิน”
“คราวนี้ความคิดเห็นสุดท้ายเล่นใหญ่เพราะรู้ว่าทางพี่ชมพู่มีเงิน เลยสั่งให้คนวางระเบิดปิดถนนกับทำลายเสาโทรศัพท์เลย” ย้งยี้ที่อ่านเอกสารคำให้การพูดขึ้นมา
“อีกเรื่องที่ผมสงสัยจากคำให้การของรุ่นพี่” เจ้าชายลดแว่นตามาที่ปลายจมูกเพื่อมองย้งยี้ “เรื่องดีเอ็นเอที่ติดบนตัวศพจากรอยเท้าที่เธอบอกกับรุ่นพี่มันคือเรื่องโกหกใช่ไหม”
ย้งยี้ถอนหายใจแรงๆ “คดีของความคิดเห็นสุดมันสุดยอดจริงๆ ขนาดฉันที่รู้ว่าคนร้ายทำได้อย่างไรแต่ก็ไม่มีหลักฐานที่จะเอาผิดพี่ชมพู่ได้เลย” ย้งยี้มองตาเจ้าชาย
“สุดท้ายก็ต้องใช้เครดิตที่ตัวเองมีโกหกเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้คนร้ายยอมรับ” เจ้าชายใช้นิ้วดันแว่นกลับที่เดิม “เป็นผมก็คงจะทำแบบนั้นเหมือนกัน” เจ้าชายพูดจบก็เดินจากไป “นับจากนี้ความคิดเห็นสุดท้ายคงจะเห็นเธอเป็นศัตรูเพิ่มอีกคนแน่ๆ ยังไงก็ระวังตัวเอาไว้ด้วย” เขาโบกมือให้ย้งยี้ก่อนจะขึ้นรถเก๋งและขับออกไป
“คอยดูนะฉันจะจับแกให้ได้เลยความคิดเห็นสุดท้าย” ย้งยี้พูดกับตัวเอง.....
อ่านจบแล้วแต่อยากติดตามเรื่องราวของย้งยี้และเพื่อนๆ ต่อ ก็ซื้อหนังสืออ่านกันได้ (รูปปกนิยายอยู่ด้านล่าง) รับประกันความสนุกยิ่งกว่า