scoopพิเศษ แนะนำหนังซอมบี้ยุคเก่าที่ควรหามาดู



             scoopพิเศษ แนะนำหนังซอมบี้ยุคเก่าที่ควรหามาดู
        
          หลังจากครั้งแรกไปค้นหาหนังซอมบี้ใหม่ๆเจ๋งๆมาให้ดู คราวนี้ผมเลยไปจัดมาอีกครั้งแต่ครั้งนี้เป็นหนังซอมบี้ยุคเก่าที่หาดูยาก(แต่ไม่ยากสำหรับอินเตอร์เน็ต) โดยหนังที่หามาแนะนำจะเป็หนังซอมบี้ที่ผมคิดว่าเจ๋งใช้ได้มาแนะนำ ซึ่งกว่าผมจะมาถึงจุดนี้ผมดูหนังซอมบี้มาเยอะครับ ทั้งดีทั้งห่วยเลยพอจะใช้ประสบการณ์ตรงนี้แนะนำหนังซอมบี้ให้ท่านดูได้ ใครอยากติชมแนะนำเรื่องหนังซอมบี้เรื่องไหนบอกมาได้เลยนะครับผมจะไปหามารีวิวให้อ่านครับ

             เรื่องที่1.day of the dead



              เรื่อง day of the dead จัดเป็น1ในตำนานหนังซอมบี้ขี้นหิ้งที่แฟนซอมบี้หลายคน(ยุคเก่า)ต้องเคยผ่านตามาแล้ว หนังเรื่องนี้ถูกนำกลับมาสร้างใหม่ในปี2008ในชื่อเดียวกัน แต่เนื้อหาต่างกันไปคนล่ะเรื่องตามยุคสมัย แต่โครงเรื่องที่เป็นหัวใจหลักคือซอมบี้ชื่อบั๊กยังคงอยู่(ตัวหน้าปกทั้งคู่นี่ล่ะครับ)



        เนื้อเรื่อง(ยุคเก่า) กล่าวถึงกลุ่มทหารกับนักวิทยาศาสตร์กลุ่มหนึ่ง ที่อาศัยอยู่ที่ศูนย์บัญชาการใต้ดินของทหาร ที่เป็นห้องทดลองขนาดใหญ่มีอาหารน้ำเฮลิคอปเตอร์ครบครัน ที่นี่มีการทดลองโดยจับซอมบี้มาฝึก(เหมือนลิง) โดยมีบั๊กซอมบี้เพียงตัวเดียวที่สามารถสื่อสารกับคนเข้าใจ(ทั้งที่พี่แกก็เคยเป็นคนมาก่อน) โดยด๊อกเตอร์มีความหวังว่า ถ้าเขาฝึกบั๊กจนเชื่องได้ ตัวอื่นๆก็สามารถฝึกมันได้เช่นกัน แต่เรื่องราวกลับตรงข้าม เมื่อมีคนไม่เห็นด้วยกับสิ่งนี้ที่เหมือนจับคนด้วยกันมาทดลอง กับคนที่เริ่มสติแตกเมื่อต้องทนอยู่ใต้เดินไปวันๆอย่างไร้จุดหมาย เรื่องราวจะจบอย่างไรบั๊กจะฝึกได้ไหมไปหามาดูเองครับ....


                      อย่าเห็นว่าเป็นหนังเก่าโบราณจะทำซอมบี้ห่วยๆ แค่ฉากเปิดเรื่องก็สยองแล้ว

              ตัวหนังนั้นเต็มไปด้วยความประชดประชันและเสียดสีสังคมเรื่องความเสมอภาคของมนุษย์ ที่แม้จะเป็นซอมบี้แต่ก็เคยเป็นคนมาก่อน รวมถึงความคิดความกดดันความกลัวที่ซ่อนในใจของคน หนังดำเนินเรื่องแบบอืดๆๆๆๆๆๆๆยืดๆๆๆๆๆๆ ชวนหลับตามแบบฉบับหนังซอมบี้ยุคเก่า(ตรงข้ามกับปี2008) แต่หนังกลับมีฉากสยองๆอยู่เพียบ


           1ในฉากสยองติดโล่....ด๊อกเตอร์แกต้องการจะบอกเรา(คนดู)ว่าแม้เราจะเอาเครื่องในมันออกจนหมด ซอมบี้ก็ยังคงมีชีวิตและอยากกินเรา....ช่างคิดนะตัวเธอ

           ส่วนตัวเอกในเรื่องนั้นก็เป็นสาวสวย(ทั้งสองยุค)ที่มีบทต่างกัน ในยุคเก่าเธอเป็นพลเรือนที่มีแฟนเป็นทหารในนั้น ขณะที่ในปี2008เธอเป็นผู้กอง(ยศสูงซะด้วย)


                         นางเอกสองยุคใครยุคไหนน่าจะพอดูออก          

        มาที่ปี2008กันบ้าง...เนื้อเรื่องจะกล่าวถึงหมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่งที่เกิดเหตุการณ์ประหลาด จนทำให้คนในหมู่บ้านกลายเป็นซอมบี้ โดยที่ทหารต้องมาปิดกั้นทางเข้าออกขังคนในหมู่บ้านไม่ให้ออกไปแพร่เชื้อ จนสุดท้ายเหล่าซอมบี้ก็บุกทำลายกองทหารจนเกลี้ยง เหล่าทหารที่เหลือรอดจึงต้องหนีตายกันเอง....

       
             
         ตัวหนังเน้นความฉับไวในการดำเนินเรื่องผิดกับฉบับเก่าที่เนื้อเรื่องไปแบบอืดๆช้าๆ แต่ความเฉียบคมในเนื้อหาฉบับเก่ามีมากกว่า(ถ้ามองให้ลึกซึ้ง) ขณะที่ฉบับใหม่จะออกแนวบู๊สู้เอาตัวรอด ซึ่งเป็นเทรนหนังซอมบี้ในยุคนี้ที่ทำกัน ซึ่งโดยส่วนตัวผมชอบแบบใหม่มากกว่า

        ทางด้านซอมบี้ในยุคเก่าจะเป็นซอมบี้แบบเดินช้าเน้นจำนวนในการไล่ล่า ขณะที่ยุคใหม่จะเป็นแบบวิ่งสู้ฟัดแค่ตัวเดียวเราก็ร้องจ๊ากแล้ว ใครอยากดูแบบเน้นเนื้อหาที่ลุ่มลึก หรือแบบวิ่งสู้ฟัดเอาตัวรอดก็ไปหาดูได้ครับ



                        ................................................................................................

           เรื่องที2. Return of the Living Dead (ผีลืมหลุม)




               คราวนี้ขอจัดแบบทีเดียว3ภาคเลยแล้วกัน หนังเรื่อง Return of the Living Dead หรือชื่อไทยคือ ผีลืมหลุม เป็นหนังที่ดูสนุก(ในความคิดของผม) ตัวหนังไม่ค่อยจะอืดเน้นเนื้อหาที่มาไวไปไว ผิดกับหนังในยุคนั้นที่เน้นเนื้อเรื่องที่ดราม่าอะไรต่ออะไรมากมาย แต่เรื่องนี้แหวกแนวออกไปคงเพราะต้องการฉีกแนวของซอมบี้ในยุคเดียวกันที่มีอยู่เต็มตลาดในยุคนั้นให้ต่างไปจากคนอื่น (ผมคิดแบบนั้น)


                  

            ความแปลกแหวกแนวไม่ใช่แค่เนื้อหาที่ฉับไว แต่ยังเป็นตัวซอมบี้ที่วิ่งเร็วและพูดได้ซึ่งเรื่องนี้อาจจะเป็นซอมบี้เรื่องแรกที่ทำแบบนี้(ผมเดานะครับ) แถมซอมบี้เรื่องนี้ยังเกือบๆฆ่าไม่ตายอีกต่างหาก ขนาดแทงหัวยังไม่ตาย แต่มันกลับตายเพราะ(ไม่บอกไปดูเอง) และแถมพวกมันยังเลือกกินแต่สมองและพูดแค่คำเดียวว่า สมอง สมอง....เท่านั้น....


                                สยองโคตร....!!!!

            เนื้อเรื่องในภาคแรกกล่าวถึงเฟรดดี้ที่ต้องการหางานทำ เขามาฝึกงานเป็นคนคุมโกดังทางการแพทย์ยามดึกกับแฟงค์ลุงแก่ขี้โม้ ทั้งคู่เข้าขากันดี แต่แล้วเรื่องราวก็เกิดขึ้นเพราะความขี้โม้ของลุงแกที่ไปโชว์ถังใส่ซอมบี้ที่ถูกเก็บไว้ใต้โกดัง จนถังรั่งทำให้แก๊สไหลออกมาเข้าไปในสุสาน ขณะเดียวกันเพื่อนๆของเฟรดดี้ก็มาหาพอดี เรื่องราวการเอาตัวรอดของทุกคนจึงเริ่มขึ้น....

                
                        เชื้อที่ออกมาจากถังเปลี่ยนศพในสุสานให้กลายเป็นซอมบี้ แม้แต่ซากหมาสต๊าฟครึ่งท่อนก็กลายเป็นซอมบี้....

             เนื้อเรื่องภาคแรกจบลงไปก็มาถึงภาค2 เนื้อเรื่องดูเหมือนจะกล่าวต่อจากภาคที่แล้ว หรืออาจจะเป็นเรื่องราวก่อนภาคแรกก็ไม่แน่ใจ เนื้อเรื่องกล่าวถึงถังบรรจุซอมบี้(ถังเดียวกับในภาค1) หล่นลงมาจากรถบรรทุกขณะขนย้าย มันตกลงไปในท่อระบายน้ำโดยที่เด็กๆไปเจอและเปิดมันออก จนทำให้แก๊สในนั้นรั่วออกมาพร้อมกับซอมบี้(ตัวเดียวกับภาคแรกที่ออกมาจากถัง จึงทำให้ไม่มั่นใจว่าอันไหนเกิดก่อนหลัง) ซอมบี้ตังนั้นพร้อมควัน(แก๊ส)แพร่กระจายไปทั่วและไล่กินคนในหมู่บ้าน กลุ่มเด็กๆจึงต้องหาทางกำจัดมันก่อนสายเกินไป....


                                     ท่ากินสมองของซอมบี้เรื่องนี้.....

             ในภาคนี้เน้นความแปลกใหม่โดยใช้เด็กเป็นตัวดำเนินเรื่อง เนื้อหาจึงค่อนข้างดูสดใสกว่าภาคแรก แต่ดีกรีความโหดก็ยังอยู่ครบ และภาคนี้ก็จะเฉลยจุดออ่อนของซอมบี้ที่ฆ่าไม่ตายว่ามันแพ้อะไร เนื้อเรื่องภาคนี้ก็ดูสนุกถ้าไม่นับความบ้าบิ่นของตัวละครที่ทำอะไรโง่ๆอย่างยอมตายเพราะรัก กับมุกซอมบี้บุกเมืองกลวงๆ(ไม่ยิ่งใหญ่เพราะเป็นหมู่บ้านเล็กๆ) นอกนั้นก็ดูสนุกดีต่างกับภาคแรกที่เน้นเนื้อเรื่องมากขึ้นและดูมีมิติมากขึ้น(ในความเห็นของผม)


                  ตอนที่กำลังเขียนตอนนี้อยู่ก็ทานขนมปังใส้สังขยาไป มาเจอรูปนี้(ครอปมาจากในหนัง) เล่นเอาแทบคายขนมปังออกมาเลย....

          ภาค3ของหนังผีลืมหลุมก็ยังคงสร้างความแหวกแนวไปอีกขั้น ซึ่งในภาคนี้ได้จับประเด็นเรื่องความ(เกือบ)เป็นอมตะของซอมบี้มาใช้อย่างน่าคิด กับเนื้อหาเรื่องราวของความรัก(ที่เกือบชนะ)ทุกสิ่งมาใช้ได้อย่างน่าสนใจครับ

          เรื่องราวในภาค3กล่าวถึงเคิร์ทลูกชายนักวิทยาศาสตร์ในกองทัพ เขามีแฟนสาวสวยชื่อจูลี่ ทั้งสองคนรักกันมาก วันหนึ่งจูลี่อยากรู้ว่าพ่อของเคิร์ท(ชื่อเขียนยากจัง)ทำงานอะไร ทั้งคู่จึงแอบไปที่กองทัพทหารที่พ่อทำงานอยู่ และสิ่งที่ทั้งสองคนเห็นคือการทดลองปลุกคนตายด้วยแก๊สจากถังใส่ซอมบี้(ถังเดียวกันทั้ง2ภาคก่อน) ทั้งคู่ตกใจแต่ก็สนุกกับสิ่งที่เห็นมากกว่าจะสยอง(เป็นผมสยอง) และระหว่างทางกลับบ้านจูลี่ดันไปจับปิ๊กกะจูของนายเคิร์ทจนพี่แก่สะดุ้งตกใจเพราะถูกบีบ(อ่อนหัด) จนมอเตอร์ไซด์เสียหลักรถคว่ำชนเสาไฟฟ้าจู่ลี่คอหักตายคาที(ซะงั้น) นายเคิร์ทเลยแอบไปห้องทดลองของพ่อปลุกจูลี่ขึ้นมา แต่เธอจะเป็นจู่ลี่คนเดิมอีกไหม ติดตามครับ....


                                         จู่ลี่ก่อนและหลังเป็นซอมบี้....

           คงเพราะเนื้อสมองของเธอยังคงไม่ตายสนิท(เพิ่งตายใหม่ๆ) จูลี่เลยยังมีสติความเป็นมนุษย์อยู่และจำทุกอย่างได้แม้แต่ความตายของตนเอง เธอค่อยๆกลายร่างและเปลี่ยนเป็นซอมบี้ วิธีเดียวที่จะทำให้เธอได้สติคือความเจ็บปวด เธอจึงเอานั่นนี่มาแทงตัวเพื่อเรียกสติความเป็นคนกลับมา แต่พอเผลอก็ไปแพร่เชื้อกัดคนอื่นทุกทีจนเป็นเรื่อง และนอกจากเรื่องราวความรัก อย่างที่ผมบอกไปนั่นคือเรื่องความเกือบเป็นอมตะของซอมบี้เรื่องนี้ ทางทหารเลยจับซอมบี้พวกนี้มาเป็นอาวุทสงคราม ใส่เกราะติดปืนและเชิดเหมือนหุ่นยนต์โดยใช้ซอมบี้เป็นกลไกแทน ซึ่งก็แหวกแนวและเจ๋งดีครับต่างจากซอมบี้เรื่องอื่นๆในยุคนั้นแบบสุดๆ

              ใครจะไปคิดว่าซอมบี้ก็ทำแบบนี้ได้....ไอเดียเอาไป10กระโหลกเลย...



               

...................................................................................................................

           เรื่องที่3.Night of the Living Dead



            สารภาพโดยตรงครับว่าไม่เคยดูมาก่อน แต่เคยรับรู้เรื่องราวตำนานหนังเรื่องนี้มาหลายครั้ง (หาข้อมูลมาจากหนังสือ ไม่ใช่เปิดกูลเกิลแล้วมาเขียน) โดยหนังเรื่องนี้อาจจะ(ไม่แน่ใจ)เป็นหนังซอมบี้เรื่องแรกของโลก(ถ้าไม่นับหนังเรื่องแฟรงเกนสไตน์ที่เป็นซอมบี้เหมือนกัน) หนังเรื่องนี้อาจจะเป็นเรื่องแรกที่ชูประเด็นซอมบี้เป็นเรื่องแรกก็ว่าได้....


          ถ้าไม่นับหนังเรื่องแฟรงเกนสไตน์ เรื่อง Night of the Living Dead คงเป็นหนังซอมบี้เรื่องแรกในความคิดของผม

                หนังถูกสร้างปี1968และยังเป็นหนังขาวดำ(เก่ามากกกกกกก) ตัวหนังแทบไม่มีเนื้อเรื่องอะไรเลย แค่ตัวเอกเอาตัวรอดจากซอมบี้หนีๆเท่านั้นไม่มีอะไรมาก แต่หนังกลับสร้างชื่อให้ ลุงโรเมโร่(ผู้กำกับหนัง)เป็นอย่างมาก จนทุกคนยกย่องให้ลุงแกให้เป็นบิดาหนังซอมบี้ไปเลย และในปัจจุบันลุงแกก็ยังคงสร้างหนังซอมบี้มาอีกหลายเรื่อง เอาไว้จะเอามาบอกครับ


      ซอมบี้ในเรื่องนี้......ซอมบี้ยุกแรกสุดคลาสสิค แค่ทาหน้าขาวเดินเซไปมาก็เป็ซอมบี้แล้ว

           อย่างที่บอกไปครับว่ามันคือหนังเก่ามากกกกก เนื้อเรื่องจึงแทบไม่มีอะไรและหาดูยากมาก ซึ่งถ้าพยายามหาก็น่าจะพอหาดูได้แต่ผมขอบายครับ เพราะฟังเสียงภาษาปักกิดไม่ออก(มีซัพคงดี) 

           
          ถึงจะขาวดำแต่ความสยองอยู่ครบ....

           

             สมัยนั้น(1968)ใครไม่เคยดูหนังเรื่องนี้อาจมีเชยไปคุยกะเพื่อนไม่ได้แน่ๆ แต่สมัยนี้ใครอยากดูไปซื้อแผ่นมาดูภาพชัดเสียงชัดใสกิ๊ก แต่ระวังถูกหาว่าเชยเดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน....



                                   .....................................................................................

               เรื่องที่4. Michael Jackson - Thriller 



                  อันนี้ไม่ใช่หนังแต่เป็นมิวสิควีดีโอของราชาเพลงป๊อปผู้ล่วงลับ Michael Jackson กับเพลงในตำนาน Thriller ซึ่งถ้าใครเกิดทันยุคต้นๆปี1983หรือแก่กว่านั้น อาจจะเคยได้ยินเพลงนี้แถมอาจจะเต้นได้อีกต่างหาก โอ๊ววววว!!!!
                 
              
                 ถ้าใครไม่รู้จักหรือไม่เคยดูมิวสิควีดีโอนี้มาก่อนอาจจะไม่รู้ว่ามิวสิควีดีโอนี้มีเนื้อเรื่องด้วยน๊า ไม่ใช่ไม่เคิลมาเต้นๆร้องๆอย่างเดียว เนื้อเรื่องกล่าวถึงไม่เคิลกับแฟนสาวไปดูหนังในโรงหนังเรื่องมนุษย์หมาป่า แต่แฟนไม่พอใจที่พามาดูหนังสยองขวัญเธอเลยเดินออกมาจากโรงหนัง ซึ่งไม่เคิลก็มาง้อสาวคืนดี แต่ระหว่างง้อซอมบี้มาจากไหนไม่รู้ก็ออกมา พี่ไม่เคิลเราเลยชวนเต้นซะเลย(ซะงั้น)


                  ไม่ให้เสียเที่ยวเต้นเสียหน่อย....โอ๊ว...!!!!

             แต่เนื้อเรื่องก็มีต่อ....เมื่อเพลงจบ ปรากฏว่าสาวเจ้าฝันไปนั่นเอง.....(ก็แหงล่ะใครเจอซอมบี้แล้วแทนที่จะตกใจดันเจือกไปชวนเต้น) แต่ตอนท้ายแววตาของไมเคิลกับเป็นสีเหลืองเหมือนจะบอกเป็นนัยๆว่า นั่นคือความจริงไม่ใช่ฝัน....ฮาจบแบบหักมุมเสียด้วย....


                             จบแบบหักมุมเสียด้วยน๊าขอบอก

      ตัวเพลงฟังสนุกร้องตามง่ายๆแถมเต้นได้ด้วยถ้าไม่อายใคร....
        
                   ตอนแรกก็หนีอยู่ดีๆ ตอนหลังมาเต้นกับซอมบี้เฉย....

                     
            
             ซึ่งที่สุดก็มาเฉลยช่วงกลางมิวสิคว่า ที่พี่แกชวนซอมบี้เต้นได้เพราะพี่แกก็เป็นซอมบี้เหมือนกัน...เงิยไปไม๊ล่ะ.....

                        
สุดท้ายขอไวอาลัยให้กับราชาเพลงป๊อปในตำนานผู้นี้ 

                                     ........หลับให้สบาย เราจะคิดถึงนาย ไม่เคิล....
                                           .....Sleep well, we miss you, Michael.....

                .................................................................................................................

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น