“เดี๋ยวซิคาเอกะ
เราตกลงกันแล้วว่าถ้าผมกำลังอัดเสียงอยู่คุณจะไม่มารบกวน งานวิทยานิพนธ์ของผมเรื่องนี้สำคัญมากๆ
เลยนะ เราจะทำเป็นเล่นๆ เหมือนคู่แฟนมาขับรถเล่นไม่ได้หรอกนะ”
ผมดุแฟนสาวขณะที่เธอทำหน้าเสียใจก่อนที่เธอจะแลบลิ้นใส่ผม และเดินอ้อมมาเปิดประตูเข้ามาในรถ
“รู้แบบนี้ไม่มาด้วยก็ดี
ไอ้เราก็เห็นว่าจะได้มีเวลาอยู่ด้วยกันสองต่อสองกับโคเฮคุงทั้งที
ที่ไหนได้ต้องมานอนที่โรงแรมผีสิงเอย บ้านร้างเอย ไหนต้องมานั่งตบยุงที่โค้งมรณะอีก”
คาเอกะบ่นดังๆ เธอมักจะมีนิสัยเป็นเด็กแบบนี้เสมอ ซึ่งนั่นก็คือสิ่งดีๆ
ที่ทำให้ผมชอบในตัวเธอ
“โอเคเอาแบบนี้นะเราจะไปที่สุดท้ายกัน
พอหาข้อมูลจนสามารถรู้ได้ว่ามันเป็นเพราะอะไรคนถึงมาตายที่นี่เยอะ ได้ข้อมูลพอแล้วเราก็จะกลับบ้านกัน”
ผมที่ทนการบ่นของคาเอกะไม่ไหวจึงตัดบทแบบนี้ออกไป ส่วนคาเอกะยิ้มอย่างพอใจ
ซึ่งเอาจริงๆ ผมก็เริ่มเบื่อกับการเดินทางแบบนี้แล้วเหมือนกัน
“แล้วที่สุดท้ายคือที่ไหนหรอ”
คาเอกะถามผม
“อืมน่าจะเป็นที่หมู่บ้านฮิกาชินารุเสะ”
ผมดู GPS ในมือถือ “ที่นั่นเป็นหมู่บ้านเล็กๆ มีตำนานต้นไม้แขวนคอตายอยู่
เขาว่ากันว่ามีคนต่างพื้นที่มาแอบแขวนคอตายเป็นประจำ เหมือนป่าอาโอกิกาฮาระเชิงภูเขาฟูจิ
แต่ที่นี่ไม่ใช่ทั้งป่าแต่เป็นต้นไม้ต้นเดียวที่มักจะมีคนปีนไปแขวนคอตาย”
ผมเล่าตำนานที่บังเอิญได้ยินมาจากคุณปู่ และด้วยสถานที่นี้อยู่ไกลที่สุดผมจึงเลือกมาเป็นที่สุดท้ายของการเดินทาง
“ป่านี้แล้วต้นไม้นั่นจะอยู่หรอ
ถ้ามีคนไปตายเยอะขนาดนั้นก็ควรจะตัดทิ้งไปดีกว่า”
คาเอกะถามผมระหว่างที่กำลังขับรถไป
“เท่าที่รู้คุณปู่บอกว่านั่นเป็นต้นไม้เก่าแก่มีอายุเป็นร้อยปีแล้วคงไม่มีใครไปตัดหรอก”
ผมอธิบายพร้อมกับขับรถตาม GPS ไปจนมาถึงหมู่บ้านดังกล่าว ที่ทางเข้าก็เป็นเพียงทางเล็กๆ
ที่แยกมาจากถนนใหญ่ที่ถ้าไม่ตาม GPS มาหรืองมแผนที่คงจะต้องมีหลงแน่นอน
เราสองคนขับรถบนถนนที่สองข้างทางเป็นป่ารถ จนเห็นต้นไม้ขนาดใหญ่ยืนเด่นไกลออกไปอย่างเห็นได้ชัด
ซึ่งนั่นก็ทำให้เรารู้ว่าตอนนี้เราได้มาถูกทางแล้ว
“เอ๋
มันดูแปลกๆ นะ” คาเอกะพูดขึ้นมาซึ่งผมก็สังเกตเห็นเหมือนกัน
นั่นคือซากรถที่จอดทิ้งไว้
ซึ่งส่วนมากจะเป็นทั้งรถเก่าและใหม่จอดทิ้งไว้ตามทางประปลายด้วยความสงสัย จนเรามาถึงที่หมู่บ้านก็มีชายแก่หัวล้านยืนต้อนรับเราอยู่
เหมือนกับรู้ว่าเราสองคนจะมา
“หมู่บ้านแขวนคอยินดีต้อนรับคุณนักเดินทาง”
ชายแก่บอกกับเราสองคนด้วยรอยยิ้มเมื่อลงจากรถ
“ชื่อเป็นมงคลเชียว”
คาเอกะกระซิบพูดเล่นกับผม ก่อนจะเดินตามชายแก่เข้าไปยังโรงแรมเล็กๆ
เพียงแห่งเดียวของที่นี่ ซึ่งระหว่างทางที่เรากำลังเดินไปนั้นสายตาของผมก็เห็นต้นไม้ต้นนั้นอยู่ไกลๆ
ที่ดูจากตรงนี้มันคือต้นไม้ที่เหมือนเสาสีดำขนาดใหญ่มีใบและกิ่งที่ด้านบนสุดเท่านั้น
“อย่าไปจ้องมองมันจะดีกว่านะครับคุณ
เดี๋ยวจะถูกมนต์สะกดให้ไปแขวนคอตายเอา” ชายแก่บอกกับผมจนผมรู้สึกขนลุกขึ้นมาทั้งตัว
“คงแบบเดียวกับมนต์สื่อรักจากชั้นที่ทำให้โคเฮคุงมาหลงนั่นละ”
คาเอกะพูดหยอกผม เมื่อเก็บของในห้องและเช็คอิน ผมก็เริ่มหาข้อมูลโดยเริ่มจากคนในหมู่บ้านที่เกือบทั้งหมดจะเป็นคนสูงอายุ
“ต้นไม้แห่งนี้ท่านโชกุนได้ปลูกเอาไว้ตอนมาเที่ยวที่นี่
พอต้นไม้เริ่มโตก็มีหนุ่มสาวในหมู่บ้านที่มาเที่ยวเล่นแถวนั้นแล้วก็มาแขวนคอตาย”
ลุงคนที่พาเรามาที่โรงแรมเล่าเรื่องราวให้เราทั้งคู่ฟัง
“ซึ่งสิ่งที่น่าแปลกก็คือทุกครั้งที่มีคนมาแขวนคอตายต้นไม้ก็จะสูงขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้มันสูงจนสามารถเห็นได้จากนอกหมู่บ้าน
แต่ก็มีคนพยายามปีนขึ้นไปจนไปแขวนคอได้ตลอด ทั้งที่ทางตำรวจนายอำเภอก็จัดคนมาดูแลสุดท้ายก็ยังมีคนมาตาย
รถที่พวกคุณเห็นก็เป็นรถของคนที่มาตายที่นี่” ผมขนหัวลุกขึ้นมาทันที
“เขาว่ากันว่าตรงจุดนั้นคือทางผ่านของประตูนรก ที่ปีศาจพยายามจะหาทางขึ้นไปบนสวรรค์
มันเลยพยายามหลอกล่อคนให้มาตายมากๆ เพื่อสังเวยวิญญาณ”
“แล้วถ้าปีศาจขึ้นไปถึงแล้วจะเกิดอะไรขึ้นหรอคะ”
คาเอกะถามลุงแกด้วยน้ำเสียงหวาดหวั่น
“ถ้าปีศาจขึ้นไปถึงสวรรค์ได้พวกมันก็จะเจาะรูให้พวกเทวดาตกลงมา
หลังจากนั้นพวกมันก็จะจับมนุษย์มากิน เพราะไม่มีเหล่าเทวดามาคุ้มครองมนุษย์แล้ว”
ลุงเจ้าของโรงแรมบอกกับคาเอกะจนเธอต้องมาแอบข้างหลังผม
“เป็นตำนานที่น่ากลัวมากๆ
เลยครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะไปสำรวจและหาคำตอบให้เองครับ ว่าทำไมถึงมีคนมาผูกคอตายที่นี่
ผมกำลังทำวิทยานิพนธ์เรื่องพวกนี้อยู่” ผมบอกกับคุณลุงก่อนที่จะไปแช่น้ำพุร้อนและเข้านอนในห้องกับคาเอกะ
ซึ่งตัวผมที่ได้ฟังตำนานแบบนี้มาเป็นร้อยๆ เรื่องจึงไม่รู้สึกอะไร
เพราะตำนานพวกนี้คือสิ่งที่แต่งขึ้นมาเพื่อผูกเรื่องราวให้น่าสนใจ
ซึ่งทั้งหมดไม่เป็นเรื่องจริงเลย แต่คาเอกะกลับมีท่าทางหวดกลัวไม่ร่าเริงเหมือนทุกที
คืนนั้นผมนอนหลับเพราะขับรถมาเป็นเวลานานซึ่งคาเอกะก็เช่นกัน
คืนนั้นผมฝันเห็นขบวนพิธีของโชกุนกำลังปลูกต้นไม้
แววตาของโชกุนนั้นแดงเหมือนเลือดและหันมายิ้มให้ผมเหมือนปีศาจที่สิงร่างเขาอยู่จนผมตกใจตื่นขึ้นมา
จนรุ่งเช้าผมก็ไปสำรวจที่ต้นไม้นั้นพร้อมกับคาเอกะ
“โห้ดูซิต้นไม้ใหญ่มากๆ
เลย น่าจะหลายคนโอบเลยนะเนี้ย”
ผมสำรวจต้นไม้ทรงกลมเหมือนเสาขนาดใหญ่เพื่อหาจุดที่คนจะปืนขึ้นไป
แต่ไม่ว่าจะดูหรือพยายามปีนอย่างไรผมก็ไม่สามารถปีนหรือเกาะต้นได้นี้ได้ ขณะที่คาเอกะที่ยืนเหม่อก็เห็นอะไรบางอย่างบนนั้น
ก่อนที่เธอจะกรี๊ดออกมาเสียงดังเมื่อเห็นผู้ชายร่างอ้วนถูกแขวนคอห้อยอยู่บนยอดต้นไม้
“เป็นไปไม่ได้”
ผมตะลึงจนพูดไม่ออก ชายร่างอ้วนที่น้ำหนักน่าจะเกือบ 100
กิโลสามารถปีนต้นไม้ที่แทบไม่มีจุดยึดซึ่งสูงเท่ากับตึกสิบชั้นได้อย่างไร
เมื่อตำรวจมาถึงเราก็ทราบว่าชายร่างอ้วนคนนี้คือคนที่แอบมาที่นี่ตอนกลางคืน
โดยที่คนในหมู่บ้านก็ไม่รู้ว่าเขาคือใคร ผมทั้งอึ้งและตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นจนเริ่มสนใจที่จะตรวจสอบอย่างจริงจัง
ผมเอาดินและเอาเศษเนื้อไม้ไปให้ห้องแล็บที่มหาลัยตรวจสอบ และนอกนี้ผมก็ยังตรวจสอบวัดความสูงของต้นไม้นี้
ที่เริ่มจากความสูงหลังจากที่ชายร่างอ้วนมาตาย
ซึ่งหลังจากนั้นก็มีคนมาแอบแขวนคอตายอีกเรื่อยๆ ที่แม้ผมจะพยายามตั้งกล้องหรือแอบดูเองแถวนั้นก็กลับไม่เห็นอะไรเลย
แต่พอมารู้สึกตัวก็มีคนมาตายแล้วและต้นไม้ก็สูงขึ้นจริงๆ มันสูงขึ้นจนมองด้วยตาเปล่ายังรู้
“โดเฮคุงเรากลับกันเถอะ
เราอยู่ที่นี่มาเดือนนึงแล้วนะ จนถึงตอนนี้เธอก็ไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับต้นไม้นี่เลย
ไหนจะเอาดินเอาเปลือกไปตรวจสอบแล้วก็ไม่เห็นมีอะไร
ชั้นว่าที่นี่น่าจะเป็นของจริง”
คาเอกะบอกกับผมที่ตอนนี้ในหัวของผมมีแต่เรื่องต้นไม้พร้อมคำถามมากมาย ซึ่งตอนนี้ต้นไม้นั้นก็สูงจนสุดลูกหูลูกตา
เพราะมีคนมาตายอยู่เรื่อยๆ อาทิตย์นึงตกราวๆ 3 คนโดยประมาณ
ซึ่งก็แปลกที่ไม่มีคนนอกทราบเรื่องนี้หรือมีใครมาทำข่าวเลย
ซึ่งผู้ใหญ่บ้านบอกว่ามีคนมาตั้งกล้องทดสอบแบบคุณสุดท้ายก็แขวนคอตายมาก็เลิกตรวจสอบจนหมด
คนที่รอดไปก็คิดว่าเป็นคำสาปเลยไม่มีใครกล้าพูดเรื่องนี้ ผมที่ไม่เชื่อก็พยายามบันทึกภาพของคนที่จะปืนต้นไม้เพื่อไปแขวนคอตาย
แต่ก็ไม่สามารถถ่ายติดได้เลย ซึ่งนั่นก็เท่ากับว่าผมไม่ได้อะไรเลยกับกับงานนี้
ผมกับคาเอกะเริ่มมีปากเสียงกันบ่อยขึ้นหลังจากอยู่ที่นี่มานาน
และครั้งนี้ผมก็เผลอทำร้ายเธอจนคาเอกะขับรถหนีออกไปจากหมู่บ้าน ซึ่งผมที่ไม่มีรถหรือต่อให้มีก็ไม่คิดจะไปตามเธอจึงปล่อยเธอไป
คาเอกะหายไปอยู่หลายวันจนวันนึงเธอก็กลับมาพร้อมกับคนงานเลื่อยยนต์และรถไถ
เพื่อมาทำลายต้นไม้ต้นนี้
ขณะที่คนแก่ในหมู่บ้านต่างก็พยายามห้ามปรามแต่ก็ถูกตำรวจที่เห็นด้วยกับการโค่นต้นไม่ทิ้งมาขวาง
“อย่าทำนะ”
ผมที่เป็นหนึ่งในคนที่ไม่เห็นด้วยก็ร้องตะโกนออกมา
ก่อนที่ตอนนั้นเองคนงานกับตำรวจรวมถึงคาเอกะก็เหมือนถูกสะกดจิต
ทุกคนยืนนิ่งและเงยหน้ามองไปยังต้นไม้ ก่อนที่ทุกคนจะเดินไปที่โคนต้นท่ามกลางความตกใจของทุกคนในหมู่บ้านรวมทั้งผมด้วย
ตอนนั้นเองก็มีเชือกพร้อมบ่วงลงมาจากต้นไม้ เพื่อรัดคอทุกคน และดึงร่างเหล่านั้นรวมถึงคาเอกะไปแขวนบนนั้นเป็นสิบๆ
ศพ ท่ามกลางสายตาของคนในหมู่บ้าน ซึ่งตอนนั้นเองต้นไม้ก็มีความสูงอย่างรวดเร็วเพราะได้คนไปหลายสิบศพห้อยอยู่
จนตอนนี้ต้นไม้ก็สูงขึ้นจนมันทะลุขึ้นไปบนก้อนเมฆ จนเกิดเป็นรูสีแดงขนาดใหญ่แผ่กว้างออกมาบนท้องฟ้า
พร้อมกับสิ่งที่มีรูปร่างคล้ายนกขนาดใหญ่กำลังตกลงมาจากรู้นั้น
ตุบ...ร่างนกขนาดใหญ่ที่ตกลงมาจากบนท้องฟ้าตรงหน้าผม
มันคือร่างของผู้หญิงที่มีปีกเหมือนนก แต่ปีกนั้นเป็นสีดำ และร่างของคนที่มีปีกนั้นก็คอหักตายเมื่อตกลงมาบนพื้น
ซึ่งท้องฟ้าสีแดงที่เกิดจากต้นไม้ก็แพร่ไปทั่ว จนปกคลุมทั่วท้องฟ้าพร้อมกับร่างของคนมีปีกที่ตกลงมาอย่างกับฝน
หรือคำทำนายเกี่ยวกับปีศาจจะเป็นจริง ถ้าอย่างนั้นหลังจากที่เทวดาตายหมดแล้ว
คราวนี้ก็ถึงตาของปีศาจที่จะลงมาบนโลกเพื่อจับมนุษย์กิน โดยมีผมและคนในหมู่บ้านเป็นพยานในหายนะครั้งนี้.....
จบ

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น