คุณเคยมีความฝันบ้างไม๊
สำหรับชั้นแล้วความฝันมันคือสิ่งที่แทบไม่มีวันเป็นไปได้แม้แต่ความคิด
เพราะอะไรน่ะหรอนั่นก็เพราะชั้นดันมาเกิดในบ้านของคนที่ชื่นชอบความสมบูรณ์แบบ ที่คนบ้านนี้ไม่ว่าจะทำอะไรก็ต้องทำให้ได้ดีที่สุดหรืออยู่ในอันดับต้นๆ
และสิ่งนั้นต้องเป็นสิ่งที่คุณพ่อเป็นคนเลือก ซึ่งชั้นกับน้องชายก็ถูกบังคับมาตั้งแต่เด็กว่าต้องเรียนแบบนั้นทำแบบนี้
รวมถึงการเลือกสิ่งที่ชอบว่าต้องเป็นสิ่งที่คุณพ่อชอบ ซึ่งทุกอย่างที่คุณพ่อสั่งมานั้นชั้นเกลียดมันหมดทุกอย่าง
ไม่ใช่เพราะชั้นคิดจะต่อต้านคุณพ่อแบบที่คนอื่นๆ คิด
แต่ชั้นแค่ไม่มีความสุขที่จะทำสิ่งเหล่านี้ก็เท่านั้น แต่ชั้นที่ต้องใช้เงินของเขาอยู่บ้านเขาและเป็นลูกของเขาชั้นเลยต้องทนทำ
และด้วยความฉลาดที่ชั้นมีมาจากคุณพ่อชั้นเลยสามารถเป็นอันดับต้นๆ
ตามที่ท่านหวังได้หมด แต่ไม่ว่าชั้นจะทำอะไรให้ดีขนาดไหนชั้นก็ยังเป็นผู้หญิง
สิ่งเหล่านี้เลยไปตกกับน้องชายที่โดนไม่ต่างกับชั้น แต่ทางนั้นดูเหมือนจะชอบอะไรแบบนี้
เพราะน้องชายชั้นชอบการแข่งขันและเอาชนะแบบคุณพ่อ เมื่อเป็นอย่างนั้นชั้นเลยได้รับการปล่อยลงแต่ก็ยังถูกบังคับทำนั่นนี่อยู่ดี
แต่ชั้นก็ยังโชคดีตรงที่ชั้นยังมีเวลาเป็นส่วนตัว นั่นคือการได้วาดรูปที่ชั้นชอบ
และรูปที่ชั้นชอบที่จะวาดที่สุดคือรูปปั้นวีนัสตัวนี้ในห้องศิลปะ ที่เป็นเพียงรูปปั้นแบบหยาบๆ
ที่ขึ้นรูปและปั้นด้วยช่างที่ไม่เก่งและไม่มีการเก็บงาน
ที่น่าจะเป็นงานของรุ่นพี่คนก่อนๆ ทำเอาไว้เพื่อเลียนแบบรูปปั้นวีนัสของจริง
และด้วยความที่มันไม่สมบูรณ์แบบนี่ละชั้นเลยชอบรูปปั้นนี้มากๆ
เพราะเมื่อมันไม่สมบูรณ์ชั้นก็จะทำให้มันสมบูรณ์แบบด้วยการวาดรูปของชั้น
เมื่อเริ่มคิดแบบนั้นในทุกๆ
เย็นชั้นก็มักจะมานั่งวาดรูปปั้นวีนัสคนเดียวก่อนจะถึงเวลากลับบ้าน ที่กว่าคุณพ่อจะกลับบ้านชั้นจึงมีเวลา
1 ชั่วโมงที่จะได้ทำในสิ่งที่อยากทำ
วาดสวยดีนี่นา
เสียงของอาจารย์วินัยที่เป็นคนชมรมศิลปะมาทักชั้น เมื่อเขารู้ว่าชั้นที่ไม่ใช่คนของชมรมมาขอใช้ห้องตอนที่คนในชมรมออกไปหมดแล้ว
ซึ่งอาจารย์ก็ไม่ได้ว่าอะไรแถมท่านยังมาช่วยดูและแนะนำเทคนิคต่างๆ
เกี่ยวกับวาดรูปให้ชั้นอีก จากเดิมที่ชั้นก็เคยเรียนการวาดรูปใช้สีมาแล้วในคลาสเรียนที่ถูกคุณพ่อสั่งไปเรียนเลยพอมีความรู้มาบ้าง
ซึ่งเอาจริงๆ ชั้นก็แค่วาดเพราะอยากวาดเท่านั้น เพราะสุดท้ายแล้วคุณพ่อก็ไม่ยอมให้ชั้นวาดรูปหรอก
ซึ่งชั้นก็รู้สึกขอบคุณอาจารย์วินัยนะแต่ชั้นคงจะวาดเท่าที่อยากทำเท่านั้น
และเมื่อชั้นวาดรูปนึงเสร็จชั้นก็จะวาดรูปเดิมแต่เปลี่ยนวิธีการวาด เพื่อหารูปที่ชั้นคิดว่าตัวเองวาดได้สมบูรณ์แบบที่สุด
ซึ่งนั่นก็คือนิสัยของคุณพ่อที่ชั้นเผลอติดมาใช้ไปด้วย
และในระหว่างที่ชั้นกำลังตั้งใจวาดรูปวีนัสก็มักจะมีผู้หญิงคนนึงที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับชั้นที่ชื่อโบว์มาชวนคุยเรื่องราวต่างๆ
ที่ในตอนแรกโบว์เป็นคนที่บังเอิญเข้ามาในชมรมเพื่อมาเก็บของจนเธอได้เจอกับชั้น
ที่ในตอนแรกโบว์ก็มาทักทายถามว่าชั้นมาทำอะไร
จนเมื่อผ่านไปจากที่เคยแค่มาทักทายหรือมาเก็บของก็เป็นการชวนคุยเรื่องราวต่างๆ
ที่ในตอนแรกชั้นรู้สึกรำคาญมากๆ เพราะการมีคนมาชวนคุยมันทำชั้นเสียสมาธิ
แต่ด้วยมารยาทที่ถูกสั่งสมมาจากคุณแม่ชั้นเลยไม่พูดอะไรออกไป แต่ยังตั้งหน้าตั้งตาวาด
ซึ่งก็มีบางครั้งที่ถ้าอาจารย์วินัยเข้ามาในชมรมหรือโบว์เห็นว่าอาจารย์วินัยอยู่ในห้องเธอก็จะแค่ผ่านมาทักทายแล้วก็ไป
เพราะดูเหมือนโบว์จะไม่ชอบอาจารย์วินัยมากๆ จนไม่อยากเจอหน้าแก
เพราะเมื่อชั้นพูดถึงชื่ออาจารย์วินัยโบว์ก็จะโมโหแล้วก็เรียกชื่ออาจารย์ว่าวินัยเฉยๆ
และยังนินทาว่าอาจารย์แกเป็นพวกหัวงูที่เคยมีข่าวว่าคบนักเรียนก ก่อนที่เด็กนักเรียนคนนั้นจู่ๆ
ก็หายตัวไปอย่างเป็นปริศนา
และบอกให้ชั้นระวังตัวเอาไว้เพราะอาจารย์วินัยเป็นคนไม่ดี ที่เอาจริงๆ
ชั้นก็ไม่อยากสนใจ เพราะเมื่อดูจากท่าทางการพูดจาของอาจารย์วินัยเขาก็ไม่ได้ล่วงเกินอะไร
แถมยังสอนชั้นเหมือนครูสอนนักเรียนทั่วไป
แต่สิ่งที่ชั้นแปลกใจก็คือทำอาจารย์ต้องถามชั้นเสมอด้วยว่าทำไมถึงต้องวาดรูปวีนัสรูปนี้มันมีอะไรพิเศษนักหรอ
และพอชั้นบอกเหตุผลไปว่าชั้นก็แค่อยากวาดให้มันออกมาสมบูรณ์แบบเท่านั้น และพอชั้นถามว่าใครเป็นคนปั้นรูปปั้นวีนัสตัวนี้อาจารย์วินัยก็ทำท่าบ่ายเบี่ยงแล้วก็เดินออกไป
พอวันต่อมาแกก็จะถามประโยคคล้ายๆ
แบบเดิมแต่จะเปลี่ยนวิธีพูดและโน้มน้าวชั้นให้ไปวาดแบบอื่นหรือเขียนรูปแบบอื่นดู
แต่ด้วยนิสัยที่เป็นคนติดความสมบูรณ์แบบที่จนกว่าชั้นจะวาดรูปที่ตัวเองคิดสมบูรณ์แล้วชั้นจึงจะหยุดวาด
ที่เมื่อพูดแบบนั้นอาจารย์วินัยก็เลิกถามแต่แกก็ยังมาดูและพูดคุยสลับไปมากับโบว์ที่ชั้นก็เคยคิดนะว่าถ้าสองคนนี้เจอกันจะเกิดอะไรขึ้น
แต่ชั้นว่ามันคงจะไม่เกิดอะไรขึ้นเพราะดูเหมือนโบว์จะเป็นคนที่คอยหลบหน้าอาจารย์ ที่บางครั้งระหว่างที่เราคุยกันแล้วอาจารย์วินัยมาโบว์ก็รีบออกไปจากห้องทันทีทั้งที่ยังคุยกันไม่จบ
จนชั้นสงสัยว่าทำไมโบว์ต้องรีบแบบนั้นด้วย และนอกจากโบว์กับอาจารย์วินัยแล้วก็ยังมีผู้ชายอีกคนที่มักจะมายืนดูชั้นที่หน้าต่างเสมอ
ที่ในตอนแรกชั้นก็คิดว่าคนๆ นั้นคงจะชอบศิลปะไม่ก็สงสัยว่าชั้นมาทำอะไรที่นี่
แต่พอมาคิดถึงผู้ชายคนอื่นๆ ที่ชั้นรู้จักที่มักจะมาจีบชั้น พอคิดแบบนั้นชั้นก็รู้แล้วว่าผู้ชายคนนี้ก็คงจะเหมือนผู้ชายคนอื่นๆ
ที่ผ่านมาชั้นเลยเฉยๆ ทำเป็นไม่สนใจ เพราะสุดท้ายผู้ชายพวกนี้ก็ทำได้แค่แอบดูอยู่ห่างๆ
ไม่กล้ามาทักพูดคุยด้วย และต่อให้ชั้นคุยด้วยชั้นก็คงจะชอบกับคนเหล่านี้ไม่ได้ เพราะสุดท้ายแล้วชั้นก็คงจะต้องแต่งงานกับคนที่คุณพ่อเลือก
และตราบเท่าที่ผู้ชายคนนั้นไม่ได้มายุ่งอะไรกับชั้นตัวชั้นก็คงไม่มีสิทธิ์ไปไล่เค้า
แต่บางครั้งชั้นก็แอบเห็นใจผู้ชายคนนั้นเหมือนกันที่เขามักถูกอาจารย์วินัยดุทุกครั้งที่มาแอบดูชั้น
ไม่เหมือนโบว์ที่สามารถไปก่อนที่อาจารย์วินัยจะมา เหมือนกับว่าเธอมีประสาทหูที่ดีมากๆ
จนรู้ว่าอาจารย์วินับกำลังมาเธอจึงสามารถไปก่อนทุกครั้ง และที่แปลกกว่านั้นคือการมาของโบว์กับผู้ชายคนนั้นไม่เคยตรงกันเลยอย่างน่าประหลาด
ชีวิตของชั้นก็ดำเนินต่อไปแบบนักเรียนดีเด่นที่เรียนในชั้นพิเศษ
จึงมีเวลาพักและเลิกเรียนที่ต่างกับชั้นปกติ ชั้นเลยไม่มีเพื่อนและได้พูดคุยกับคนอื่นๆ
ในชั้น เพราะทุกคนในชั้นเรียนนี้ต่างก็คิดว่าคนอื่นๆ คือคู่แข่ง พอจะไปทักทายคุยด้วยคนเหล่านั้นก็จะตั้งกำแพงเพื่อกันชั้นไม่ให้เข้ามาจนสุดท้ายชั้นก็ไม่มีเพื่อนเลย
จะมีก็แต่โบว์ที่น่าจะเรียกว่าเพื่อนได้ใกล้เคียงที่สุด เพราะในเย็นนี้หลังจากที่ชายหนุ่มคนนั้นมาแอบดูชั้นไม่นานเขาก็ต้องรีบไปเพราะถูกเพื่อนๆ
มาตาม ส่วนโบว์ก็มาหาชั้นที่ห้องอีกครั้งหลังจากที่โบว์รู้ว่าวันนี้อาจารย์วินัยติดประชุม
เราเลยได้คุยกันยาวกว่าทุกวันที่ส่วนมากโบว์จะเป็นคนชวนคุยมากกว่า
อย่างเรื่องที่เธอมีแฟนคนแรกเพราะผู้ชายคนนั้นแอบตามเธอไปที่บ้านและจดที่อยู่บ้าน ก่อนจะส่งจดหมายที่เขียนคำกลอนแบบหวานหยาดเยิ้มพร้อมกับใส่แป้งหอมลงไปในจดหมายด้วย
ซึ่งอะไรมันก็ดีไปหมดหรอกนะแต่เสียอย่างเดียวคือลายมือผู้ชายคนนั้นหวัดจนอ่านไม่ออก
จากกลอนที่น่าจะคัดมาจากในหนังสือแบบซึ้งๆ
กลับกลายเป็นกลอนภาษาขอมที่โบว์อ่านไม่ออก จนต้องนั่งตีความว่าตัวนี้คือตัวอะไรอยู่นาน
จนโบว์ทนไม่ไหวเขียนจดหมายตอบไปเพราะทางนั้นได้เขียนที่อยู่เอาไว้ ว่าไปฝึกเขียนลายมือให้อ่านออกง่ายๆ
ก่อนนะแล้วค่อยมาจีบ เพราะขนาดคำว่า ที่รักเรามาทำความรู้จักกันให้มากกว่านี้ดีไหม
เขายังเขียนเป็น ที่ลุกเรามาทำควายรู้จุกกันไห้มากก่านี้ดีหมด ที่กว่าโบว์จะแปลออกว่าคำนี้คืออะไรก็ใช้เวลาอยู่นาน
จนคิดว่าทางนั้นจะชวนไปเล่นหมากรุก ไม่ก็จะมาชกกันอะไรแบบนั้น ที่พอโบว์พูดจบเธอก็หัวเราะออกมาจนชั้นเผลอหัวเราะตามไปด้วย
จนโบว์แซวว่าชั้นยิ้มออกแล้ว จนโบว์บอกชั้นว่านับจากวันนี้เราคือเพื่อนกันนะ
โดยโบว์ให้เหตุผลว่าที่เธอชอบมาคุยกับชั้นเพราะโบว์เห็นชั้นนั่งวาดรูปด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย
เหมือนคนที่ไม่มีความสุขเลยอยากจะทำให้ชั้นมีความสุข
ซึ่งชั้นก็ตอบรับการเป็นเพื่อนของโบว์
หลังจากวันนั้นถ้าอาจารย์วินัยไม่มาโบว์ก็จะมาชวนคุยกับชั้น
สลับไปกับชายหนุ่มคนนั้นที่ช่วงนี้เขาหายไปเลยคงเพราะถูกอาจารย์วินัยดุไปแน่ๆ เลยทำให้ไม่กล้ามา
และคราวนี้อาจารย์วินัยก็มามุกใหม่นั่นคือการขอเอารูปชั้นไปประกวดในงานประกวดวาดรูป
เพื่อเป็นการบอกชั้นว่ารูปของชั้นนั้นสวยสมบูรณ์แบบแล้วแต่ชั้นเองไม่รู้ตัวเท่านั้น
และถ้าชั้นได้รางวัลนั่นก็แปลว่ารูปของชั้นสมบูรณ์แบบจนชั้นไม่จำเป็นต้องมาวาดรูปวีนัสนี้ซ้ำๆ
อีกต่อไป ซึ่งชั้นก็ไม่รู้หรอกนะว่าทำไมอาจารย์วินัยถึงได้ไม่อยากให้ชั้นวาดรูปวีนัสตัวนี้
เหมือนแกเก็บความลับอะไรบางอย่างเอาไว้ เพราะทุกครั้งที่ชั้นจะถามเรื่องรูปปั้นหรือเอ่ยถึงวีนัสตัวนี้อาจารย์วินัยจะเดินหนีทั้งที่ยังสอนชั้นอยู่แบบไม่รู้สาเหตุ
ที่เอาจริงๆ
ตอนนี้ชั้นก็ไม่อยากวาดรูปแล้วละแต่สิ่งที่ทำให้ชั้นยังมาอยู่ตรงนี้ก็เพราะโบว์มากกว่า
เพราะถ้าไม่ใช่ช่วงเวลานี้ตรงนี้ก็ไม่รู้ว่าชั้นจะหาเวลาไหนมาเจอโบว์อีก
จนตอนนี้ชั้นเปลี่ยนเป้าหมายของตัวเองแบบที่ไม่รู้ตัว จนกระทั่งรูปวีนัสที่ชั้นวาดก็ดันชนะการประกวดจริงๆ
จนอาจารย์วินัยบอกกับชั้นว่ารูปที่ชั้นวาดสมบูรณ์แบบแล้วหยุดวาดแล้วไปทำอย่างอื่นแบบที่เธอสนใจเถอะ
ที่พออาจารย์พูดแบบนี้มันก็ทำให้ชั้นคิดถึงสิ่งที่คุณพ่อชอบบังคับ จนชั้นกลับรู้สึกอยากต่อต้านอาจารย์ที่เขาก็มองชั้นไม่ต่างกับคุณพ่อ
เพราะไม่ว่ายังไงทุกคนต่างก็คาดหวังให้ชั้นทำนั่นทำนี่ จนชั้นรู้สึกโกรธและพยายามมาที่นี่ทุกวันขณะที่อาจารย์วินัยก็มาพูดชมว่าชั้นเก่งแล้วโอเคแล้วให้ชั้นเลิกวาด
และอย่างที่รู้ก็คือถ้าวันไหนที่อาจารย์วินัยมาโบว์ก็จะไม่มา เมื่อเป็นอย่างนั้นชั้นก็เลยอยากไล่อาจารย์ให้ไปพ้นๆ
จากชีวิตชั้นเหมือนพ่อของชั้น
จนวันนึงที่อาจารย์วินัยก็คงมาพูดกับชั้นเหมือนเดิม
ทั้งคำป้อยอปลอมๆ ไปจนถึงคำพูดที่เหมือนกับพ่อของชั้น ที่ตอนนี้ชั้นคิดถึงโบว์และอยากเจอโบว์มากๆ
เพราะในช่วงเวลาเรียนห้องพิเศษอย่างชั้นจะได้พักและเรียนในส่วนของตัวเองจนไม่ได้ออกไปในส่วนอื่นของโรงเรียน
ชั้นจึงไม่มีเวลาเจอกับโลว์จะมีแค่ตอนนี้เท่านั้น เมื่อเป็นแบบนั้นชั้นจึงระเบิดอารมณ์ออกไปด้วยความโมโหว่า
“ทำไมอาจารย์ถึงไม่ให้หนูวาดรูปวีนัสตัวนี้มันมีอะไรนักหนาหนูอยากรู้จริงๆ
หรืออาจารย์ซ่อนอะไรเอาไว้ในนั้น” และพอชั้นพูดจบชายหนุ่มคนนั้นก็เดินเข้ามาในชมรมพอดี
ที่เหมือนเป็นจังหวะนรกก็ได้ในความคิดของชั้น
และแทนที่อาจารย์วินัยจะโกรธชั้นเขากลับพุ่งตรงเข้าใส่ชายหนุ่มคนนั้นแทน
และด้วยความที่ชายคนนั้นตัวใหญ่กว่าจึงผลักอาจารย์วินัยจนไปชนรูปปั้นนั้นจนแตกเผยให้เห็นโครงกระดูกในนั้น
ซึ่งวินาทีที่ชั้นเห็นโครงกระดูกนั้นจู่ๆ ชั้นก็คิดถึงโบว์ขึ้นมาอย่างน่าประหลาด
เพราะเมื่อชั้นมาคิดถึงสิ่งต่างๆ
ที่ผ่านมาของโบว์ที่เธอบอกว่าอาจารย์แกเคยคบเด็กนักเรียนคนนึงและจู่ๆ
เธอคนนั้นก็หายตัวไป บวกกับที่โบว์มักจะหนีหน้าอาจารย์วินัยเสมอ และทุกครั้งที่ชั้นพูดถึงอาจารย์วินัยโบว์ก็จะโกรธทุกครั้งจนชั้นคิดว่าโบว์อาจจะเป็นผู้หญิงคนนั้นก็เป็นไปได้
ที่เมื่อคิดแบบนั้นชั้นก็เดินไม่ไหวขึ้นมาทันที จนผู้ชายคนนั้นรีบพยุงชั้นออกมาจากตรงนั้น
ทิ้งให้อาจารย์วินัยนั่งร้องไห้กับซากกระดูกนั้นในห้องศิลปะ ที่ในภายหลังชั้นก็รู้ว่าอาจารย์วินัยเคยมีอะไรกับเด็กนักเรียนจนท้อง
และเมื่อเธอท้องอาจารย์วินัยก็ฆ่าผู้หญิงคนนั้นและลูกก่อนจะจับศพผู้หญิงคนนั้นมาทำรูปปั้นวีนัส
ที่กว่าตำรวจจะมาถึงห้องศิลปะอาจารย์วินัยก็ชิงผูกคอตายเพื่อหนีความผิดแล้ว
ส่วนชั้นที่กำลังเสียใจที่นับจากนี้จะไม่ได้เจอกับโบว์แล้ว
ตอนนั้นเองชั้นก็เห็นโบว์วิ่งมาหาชั้นแล้วก็กอดด้วยความเป็นห่วง
จนชั้นรู้ว่าโบว์นั้นคือคนจริงๆ ไม่ใช่ผีอย่างที่ชั้นคิด
และที่โบว์หนีหน้าอาจารย์วินัยก็เพราะโบว์นั้นติด ร. วิชาของอาจารย์วินัยที่กว่าจะแก้ผ่านก็ใช้เวลานาน
นับจากวันนั้นโบว์ก็เกลียดที่หน้าอาจารย์วินัย และทุกครั้งที่มาเก็บอุปกรณ์ก็จะเจอชั้น
โบว์เลยชวนชั้นคุยเพราะเห็นชั้นดูเหงาๆ ไม่มีความสุข
ที่เล่นเอาชั้นเข้าใจผิดอยู่ตั้งนานคิดว่าโบว์เป็นผีเสียอีก และหลังจากวันนี้ชั้นจะเริ่มเดินทางบนเส้นทางของชั้นเอง
โดยที่ไม่สนใจการบงการของคุณพ่ออีกต่อไปพร้อมกับโบว์นั่นคือสิ่งที่ชั้นตัดสินใจนับจากนี้
พื้นที่โฆษณา สนใจติดต่อ https://www.facebook.com/profile.php?id=100004085645922


ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น