ตอนที่10.ริคกี้
ผมชื่อริคกี้ผมอาศัยอยู่กับแม่2คนในบ้านหลังหนึ่ง แม่ผมเป็นคนใจดีเธอเป็นสาวแก่วัย70ปีเศษที่ชอบใส่ชุดนอนแบบเสื้อคลุม เมื่อก่อนแม่เคยอยู่กับพ่อเราอยู่ด้วยกัน3คนพ่อแม่ลูก แต่วันหนึ่งพ่อก็จากไปแบบไม่มีวันกลับ เราสองคนแม่ลูกจึงอยู่ด้วยกันแค่สองคนนับแต่นั้น
บ้านที่ผมอยู่เป็นบ้าน3ชั้นเก่าๆในซอยเล็กๆที่แสนจะแออัดไปด้วยผู้คน ทุกวันผมจะมานั่งที่หน้าบ้านดูผู้คนที่เดินไปมา ตรงนั้นมีชายแก่เข็นรถซาเล้งเก่าๆเดินไอผ่านไป ถัดมาก็เป็นเด็กสองคนพี่น้องชายหญิงในชุดนักเรียนวิ่งผ่านไป สวนทางกับพี่ชายคนนึงที่ขี่มอเตอร์ไซด์ไปไอไป
ที่ผมมานั่งดูผู้คนที่เดินผ่านไปมาไม่ใช่อะไรหรอก ผมก็แค่รอใครคนหนึ่งอยู่เท่านั้นเอง
"ว่าไงจ๊ะริคกี้" เรย์สาวสวยผมสีน้ำตาลดัดเป็นรอนในชุดนักศึกษาเดินมาทักผมที่นั่งอยู่หน้าบ้าน
"หวัดดีครับ!!!" ผมทักตอบด้วยความดีใจ
"สวัสดีคะคุณป้า" เรย์ยิ้มทักทายคุณแม่ของผมที่เดินมาจากในบ้านพร้อมกาแฟปลาท่องโก๋
"ไปโรงเรียนแต่เช้าทุกวันเลยนะ" แม่ผมยิ้มตอบ
"ช่วงนี้มีกิจกรรมที่มหาลัยคะเลยต้องรีบไปแต่งเช้า ไปก่อนะริคกิ้ ตอนเย็นเจอกัน" เรย์ส่งยิ้มมาให้ผมก่อนที่เธอจะเดินไป
"ชอบเขาล่ะซิ แม่รู้นะ" แม่พูดยิ้มๆกับผมระหว่างทานกาแฟ
"แม่ล่ะก็" ผมตอบไปด้วยท่าทางเขิลอาย
"สวัสดีค่ะคุณนาย แค่ก แค่ก ไงริคกี้" พี่ปลาคนรับใช้ที่มาทำความสะอาดบ้านที่คุณแม่จ้างมา ยิ้มทักทายเมื่อมาถึงบ้าน
"ไม่สบายรึเปล่า ดูหน้าซีดๆ" คุณแม่ถามพี่ปลาเมื่อเห็นเธอไอแบบแปลกๆ
"ไม่เป็นไรคะคุณนาย หนูแค่เหนื่อยนิดหน่อย แต่ก็ยังไหวคะ" พี่ปลาพูดเสียงเหน่อๆแบบคนบ้านนอก
"นึกว่าไม่ไหวจะได้ให้เธอพักผ่อน" คุณแม่มักใจดีกับผู้คนเสมอ ใครๆถึงได้รักท่านแบบที่ผมรัก
"แต่จะว่าไปวันนี้มันดูแปลกๆ" ผมสังเกตุเห็นความผิดปกติของผู้คนที่เดินไป หลายคนไอออกมาตลอดเวลา รวมถึงพี่ปลาที่กวาดบ้านไปไอไป
"วันนี้ทำไมคนไอเยอะจริงๆ รึว่าจะไม่สบายพร้อมๆกัน" แม่พูดกับผมด้วยความสงสัย
"ผมก็ไม่ทราบครับ" ผมบอกแม่ไป
ทุกวันหลังจากทักทายกับเรย์เรียบร้อยผมก็จะมากินอาหารเช้า แล้วก็เข้านอนกลางวันตามปกติเพราะไม่ค่อยอยากออกไปไหนเท่าไหร่
"เพล้ง!!!!" ช่วงสายๆผมก็ได้ยินเสียงจานกระเบื้องตกแตกที่ห้องครัว จนผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาทันทีด้วยความตกใจ
"ปลาเป็นอะไรรึเปล่า" แม่เดินไปถามพี่ปลาที่ในครัวด้วยความเป็นห่วง เมื่อได้ยินเสียงจานตกแตก
"กรี๊ดดดดด!!!!" เสียงของแม่ดังขึ้นมาที่ในครัว ผมจึงรีบวิ่งไปดูทันที
"แม่!!!!" ผมเรียกแม่ด้วยความตกใจ เมื่อเห็นท่านถูกพี่ปลาที่จู่ๆก็กลายเป็นอะไรก็ไม่รู้ วิ่งเข้ามาทำร้ายแม่
"ก๊ากกกก!!! ก๊ากกกก!!!" พี่ปลาหันมาร้องเสียงดังใส่ผมเมื่อได้ยินผมเรียกแม่
"หนีไปริคกี้ อ๊ากกกกก!!!" เสียงของแม่บอกผมเป็นประโยคสุดท้าย ก่อนที่ท่านจะกระอักเลือดออกมาเต็มปาก เพราะถูกพี่ปลาใช้มือทั้งสองข้างแหวกพุงของแม่ออกมา แล้วล้วงเอาตับไตเครื่องในของแม่มากินอย่างหิวโหย
"แก....แกทำอะไรแม่ฉัน....!!!" ผมตะโกนเสียงดังด้วยความโมโห เท้าของผมสั่นไปมาเพราะความโกรธ
วินาทีที่ผมจะตรงเข้าไปทำร้ายพี่ปลา ตอนนั้นเองผมก็เห็นแววตาของแม่ที่มองมาทางผมเป็นครั้งสุดท้าย แววตานั้นบอกผมว่า
"จงมีชีวิตอยู่ต่อไป"
ผมอาจจะคิดไปเองก็ได้ที่รู้สึกแบบนั้น แต่ด้วยความผูกพันที่รู้จักกันมาตั้งแต่จำความได้ของแม่กับผม มันก็ทำให้ผมรู้ว่าผมควรทำอย่างไรเมื่อเห็นแววตาของแม่....
"ครับแม่ผมจะมีชีวิตต่อไป...!!!" ผมตะโกนบอกแม่ก่อนจะรีบวิ่งหนีออกมา
ผมวิ่งหนีออกมาจากบ้านอย่างไม่คิดชีวิต ด้านนอกซอยเต็มไปด้วยความวุ่นวายโกลาหล ผู้คนวิ่งหนีกันไปมาไม่สนใจว่าใครคือใคร ต่างคนต่างหนีตายกันอย่างไม่คิดชีวิต ผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้นที่พยายามวิ่งหนีเอาตัวรอด
บนถนนตอนนี้มีรถวิ่งชนกันไปมาเสียงดัง เกิดไฟไหม้เผาคนในรถที่หนีออกมาไม่ทันไปหลายคัน ที่ข้างทางก็มีแต่ความวุ่นวายผู้คนวิ่งหนีไปมา และมีคนบ้าเลือดท่วมตัวไล่กัดคนที่วิ่งหนีมากินเหมือนอย่างที่พี่ปลาทำกับแม่ หลายคนถูกจับได้และถูกกัดก่อนจะถูกคนอื่นๆที่เป็นแบบเดียวกันรุมกินทั้งเป็น
ผมอึ้งจนทำอะไรไม่ถูกจึงได้แค่ยืนดูเรื่องราวต่างๆด้วยความตกใจอยู่ตรงนั้น
"เฮ้ยริคกี้ทางนี้!!!" ระหว่างที่กำลังสับสนว่าจะไปทางไหนต่อดี ก็มีเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นมาที่ตรงข้ามถนน
นั่นมันโตโต้เพื่อนซี้ร่างอ้วนป้อมของผมนั่นเอง มันตะโกนเสียงดังท่ามกลางความวุ่นวายที่อีกฝากของถนน ผมจึงตัดสินใจรีบวิ่งหลบผู้คนที่หนีไปมาบนถนน กระโดดข้ามรถที่กำลังไฟไหม้ได้อย่างหวุดหวิด และเกือบถูกคนบ้าที่บังเอิญวิ่งผ่านมาจับผมได้ แต่ด้วยความว่องไวที่มีมาตั้งแต่เกิดจึงทำให้ผมสามารถรอดมาได้
"ปลอดภัยนะแก!!!" โตโต้ถามผมด้วยความเป็นห่วง
"ขอบใจที่ถาม แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้นแกพอจะรู้ไหมโตโต้!!!" ผมถามเพื่อนชายด้วยความตกใจ
โตโต้ส่ายหน้าแรงๆ "ไม่รู้เหมือนกัน ตอนนั้นข้ากำลังนอนกลางวันอยู่ดีๆ พอตื่นมาก็เจอแบบนี้แล้ว พอดีผ่านมาทางนี้เลยเจอแกพอดี"
"มันเกิดอะไรขึ้นกัน...?" ผมอุทานออกมาด้วยความแปลกใจ เมื่อหันไปดูความวุ่นวายที่กำลังเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
" ช่างเถอะเรื่องนั้น ข้าว่าเราหนีกันก่อนเถอะ ไปที่ฐานลับของเรากัน!!!" โตโต้บอกกับผม เราสองคนจึงรีบวิ่งเข้ามาในซอยทันที
ด้วยความที่เรารู้จักพื้นที่แถวนี้เป็นอย่างดี ผมกับโตโต้จึงสามารถหาที่ปลอดภัยให้กับเราทั้งสองได้ไม่ยาก เราสองคนมาหลบที่โกดังเก็บของร้างที่มีช่องเล็กๆพอที่จะรอดได้ ข้างในเป็นโกดังเก็บของที่ถูกทิ้งร้าง ไม่มีคนมาที่นี่นานแล้วนอกจากพวกเราที่จะมานั่นเล่นเป็นประจำ โกดังนี้เป็นเหมือนฐานบัญชาการลับของพวกเราสองคนก็ว่าได้
"แล้วทีนี้จะเอายังไงต่อไปดี จะหาอะไรที่ไหนกิน แล้วพวกคนอื่นๆจะเป็นอย่างไรบ้าง เครียดๆๆๆ ยิ่งคิดยิ่งเครียด" โตโต้เดินไปเดินมาพูดพร่ำแต่เรื่องช่วนให้จิตตกตลอดเวลา
"อย่าเดินไปเดินมาได้ไหม มันเวียนหัว" ผมที่นั่งคิดเรื่องของแม่บ่นออกมาดังๆ เมื่อต้องนั่งฟังเจ้าอ้วนกลมบ่นเรื่องที่ผมเองก็เครียด
"ตึก ตึก!!!" ระหว่างที่เรากำลังเถียงกัน ก็มีเสียงฝีเท้าของอะไรบางอย่างกำลังมาที่โกดังร้างแห่งนี้ ซึ่งนอกจากเราทั้งสองแล้วก็ไม่มีใครรู้จักทีนี่ได้
"ใครน่ะ...!!!" ผมจะโกนออกมาเสียงดัง เมื่อเสียงฝีเท้ามาหยุดที่หน้าทางเข้าที่เป็นช่องรอดเล็กๆ
"เราเอง ไม่ใช่พวกผีดิบ!!!" เสียงแหลมๆเล็กๆดังขึ้นมาที่หน้าทางเข้า
"น้ำค้างใช่ไหม....เข้ามาซิ" โตโต้ที่ได้ยินเสียงก็รู้ทันทีว่าสิ่งที่ยืนอยู่หน้าทางเข้าคือน้ำค้าง สาวร่างเล็กหุ่นเพียวบาง เธอเป็นลูกคุณหนูบ้านหลังโตในซอยของหมู่บ้าน
น้ำค้างเดินเข้ามาในโกดังด้วยท่าทางหวาดระแวง เธอมองซ้ายมองขวาระหว่างเดินมาหาเรา ตัวของเธอสั่นงันงกชุดกระโปรงสีชมพูของเธอเปื้อนเลือดสีแดงจนเห็นได้ชัด
"เราขอหลบด้วยนะ เมื่อกี้แม่ของเราถูกพวกผีดิบทำร้าย มันทุบกระจกแล้วลากแม่ออกมาจากรถรุมกินทั้งเป็น ตอนนั้นเราพยายามจะช่วยแม่แต่ก็ไม่มีแรงสู้กับพวกมัน จนสุดท้ายก็ต้องหนีมาที่นี่" น้ำค้างเล่าเรื่องราวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ดูเหมือนเธอยังคงหวาดผวากับเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่ไม่แพ้ผม
"เธอรู้จักที่นี่ได้อย่างไร ที่นี่เป็นฐาบัญชาการลับของเราทั้งสอง...!!!" ผมถามน้ำค้างด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะหันมาหาเจ้าอ้วนโตโต้ที่ยืนหน้าจ๋อยอยู่ข้างหลังผม
"แกบอกน้ำค้างใช่ไหมเรื่องฐายบัญชาการนี้" ผมถามเจ้าอ้วนโตโต้เสียงดุ
"ขอโทษผิดไปแล้ว" โตโต้ก้มหน้าพูดเบาๆไม่กล้าสบตาผม
"ช่างเถอะ แทนที่เราจะมานั่งเถียงกันเรื่องนี้ สู้เรามาคิดกันดีกว่าว่าจะเอาอย่างไรต่อไปดีกับเรื่องนี้" ผมพยายามรวบรวมความกล้าและกลืนความเสียใจลงท้องไปชั่งคราว เพื่อที่จะหาทางออกเกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น
"ตอนนี้ข้างนอกไม่ปลอดภัย มีแต่พวกผีดิบคนบ้าที่ไล่กินคนเต็มไปหมด" น้ำค้างบอก
"ใช่ๆ ออกไปเราคงตายแน่ๆ คงถูกพวกมันจับกินแบบคนอื่นๆ" โตโต้รับรับคำที่น้ำค้างพูด
จะว่าไปแค่ดูท่าทางกับแววตาของเจ้าอ้วนโตโต้ก็พอจะเดาออกได้เลยว่ามันชอบน้ำค้างอยู่
"แต่เราคงอยู่ที่นี่ตลอดไปก็ไม่ได้ด้วย ที่นี่ไม่มีน้ำไม่มีอาหาร สุดท้ายพวกเราก็จะอดตายอยู่ดี แต่ตอนนี้ทางที่ดีที่สุดคือหลบอยู่เงียบๆไปก่อน รอทุกอย่างสงบแล้วค่อยออกไปแล้วกัน" ผมออกความคิดกับเพื่อนทั้งสอง
"นายพูดถูกริคกี้" โตโต้รับคำ "งั้นเราจะยกนายให้เป็นหัวหน้าเลย"
"ขอบใจ" ผมพูดประชด
"น้ำค้างนอนตรงนี้ได้นะ เดี๋ยวคืนนี้เรากับริคกี้จะเฝ้าเธอเอง" เจ้าอ้วนโตโต้ลุกขึ้นจากบนโซฟาเก่าๆที่นั่งอยู่
"ขอบใจนะโตโต้" น้ำค้างของใจโตโต้ที่เสียสละที่นอนของตน
คืนนั้นเราทั้งสามนอนกันในโกดังร้างท่ามกลางความมืดมิดยามค่ำคืน เสียงร้องโหยหวนของพวกผีดิบปะปนไปกับเสียงร้องของผู้คนที่ยังคงดังอยู่ประปรายในความมืดด้านนอก
ผมที่อยู่เฝ้ายามนั่งคิดถึงแต่เรื่องของแม่ที่เสียไปโดยที่ผมช่วยอะไรท่านไม่ได้เลย และถ้าตอนนี้แม่ยังมีชีวิตอยู่ เราสองคนแม่ลูกคงกำลังนั่งดูละครกันอยู่แน่ๆ
"ริคกี้" เสียงน้ำค้างเรียกผมเบาๆที่ด้านหลัง
"นอนไม่หลบหรอน้ำค้าง" ผมถามน้ำค้างเมื่อหันไปดูก็เห็นเข้าอ้วนโตโต้นอนกรนเสียงดังอยู่บนพื้น
"นอนไม่หลับหรอก เรายังตกใจเรื่องที่เกิดขึ้นกับแม่อยู่เลย" น้ำค้างพูดเสียงเศร้า เธอก้มหน้ามองพื้น
"เราเองก็เสียแม่ไปเหมือนกัน เราช่วยอะไรแม่ได้เลย เราทำได้แค่หนีออกมาเท่านั้นเอง" ผมบอกกับน้ำค้าง เราทั้งสองเสียใจเรื่องเดียวกัน
"แต่เด็กอย่างเราจะเอาแรงไปสู้พวกผู้ใหญ่ได้อย่างไรกัน แถมยังเป็นพวกบ้าที่เหมือนผีดิบอีก ไม่รู้ตอนนี้โลกข้างนอกเป็นอย่างไรบ้าง ถ้าทุกอย่างจบลงด้วยดีก็คงจะดี" น้ำค้าเงยหน้ามองพระจันทร์
"นั่นซิ....แต่มันคงไม่จบด้วยดีง่ายๆแน่เราเชื่อแบบนั้น" ผมเงยหน้ามองฟ้าระหว่างพูดกับน้ำค้าง
รุ่งขึ้นพวกเราทั้งสามก็ตัดสินใจออกจากโกดังเพื่อไปหาอาหาร
"เราจะไปที่ไหนกันดี เราไม่รู้ว่าที่ไหนพอจะมีอาหารบ้าง" น้ำค้างพูดขึ้นมาระหว่างที่เราทั้งสามลัดเลาะไปตามทางเดินริมคลองเมื่ออกมาจากโกดัง ตอนนี้เราอยู่ในหมู่บ้านเพชรเกษม3แถวที่แม่เรียกว่าเขตบางแค
"ฉันรู้ว่าอาหารที่ไหนมี ตามมา" โตโต้พูดเสียงดังก่อนจะวิ่งนำเราทั้งสามไป
เราทั้งสามค่อยๆเดินลัดเลาะมาเรื่อยๆจนมาถึงสะพานข้ามคลอง ที่เป็นตัวเชื่อมระหว่างหมู่บ้านที่เราอยู่กับถนนที่มุ่งสู่ซอยที่จะพาเราไปถนนใหญ่
โตโต้พาเราทั้งสามเดินอย่างช้าๆ โดยอาศัยแอบตามรถที่จอดทิ้งเอาไว้ ระหว่างทางเราไม่เจอพวกผีดิบเลยจะเจอก็แต่ซากศพคนตายที่อยู่ในรถกับบนถนน ที่ตอนนี้กำลังเริ่มจะอืดเน่าเต็มทน
"มาทางนี้.....นั่นไงร้านสะดวกซื้อที่มีของกิน" โตโต้บอกกับเราทั้งสองคน "ปกติฉันชอบไปนั่งเล่นแถวๆนั้นบ่อยๆ ลมมันเย็นดีแถมบางทีก็มีลุงๆป้าๆใจดีซื้อขนมเลี้ยงด้วย"
"ใช่ๆที่นั่นมีอาหารเราเคยเข้าไปกับแม่" น้ำค้างยืนยัน
"ถ้านายสองคนบอกว่ามีก็คงใช่ งั้นเราไปกันเถอะ" ผมที่ไม่เคยเข้าไปมาก่อน เพราะแม่มักจะเป็นคนซื้อของมาไว้ที่บ้านกับพี่ปลา เรื่องพวกนี้ผมเลยไม่ค่อยรู้จักนัก
เราทั้งสามค่อยๆเดินไปที่ร้านสะด้วกซื้อที่มีเลข7บนป้ายร้าน หน้าประตูกับหน้าร้านที่เป็นกระจกตอนนี้แตกไปหมดแล้ว และข้าวของในนี้ก็กระจัดกระจายหายไปเกือบหมด คงเพราะมีคนเข้ามาในนี้เพื่อแย่งอาหารเป็นแน่
"น่าจะพอมีของที่พอจะกินได้เหลืออยู่บ้าง" ผมบอกกับน้ำค้างและโตโต้เมื่อเดินเข้ามาในนี้ แต่กลับไม่พบของกินเลย เราพบแต่ชั้นวางของที่ว่างเปล่ากับซากศพที่นอนบพื้นเท่านั้น
"เราจำได้ว่าตรงนี้เคยมีของกินอยู่ นั่นไง!!!" น้ำค้างเดินมาที่ด้านในของร้าน จนเธอเจอของกินจึงเรียกพวกเรามาดู
"แต่มันสูงเกินไปเรากระโดดไม่ถึงแน่ๆ" โตโต้บอกเมื่อเราสามคนยืนมองไก่โทริยากิที่แขวนอยู่ในแพ็คของชั้นวางข้างด้านใน
"มีอย่างอื่นอีกไหม ไปหาดูกัน" ผมบอกกับทั้งสอง เพราะเราคงจะกระโดดไปคว้ามันมาไม่ได้อย่างแน่นอน
แต่พอผมพูดไม่ทันจบ เจ้าอ้วนก็ตัดสินใจวิ่งกระโดดเข้าหาไก่โทริยากิที่แขวนอยู่ทันที
"โครม!!!!" เสียงของเจ้าอ้วนที่กระโดดไปไม่ถึงไก่โทริยากิ แถมยังหล่นไปชนชั้นวางของจนล้มระเนระนาด ส่งเสียงดังลั่นซอยที่เงียบสนิท
"ก๊ากกกกก ก๊ากกกกก" พวกผีดิบที่ได้ยินเสียงดังโครมครามที่ร้านสะดวกซื้อ ต่างก็ร้องเสียงดังก่อนจะแห่วิ่งมาที่นี่กันหลายสิบตัว
แต่กว่าที่พวกมันจะมาถึง พวกเราทั้งสามก็คว้าไก้โทริยากิหนีออกมาแล้ว
"ไม่อิ่มเลย....อยากกินอีก" เจ้าอ้วนโตโต้บ่นออกมาดังๆเมื่อต้องแบ่งอาหารกันกิน
"ก็หาได้เท่านี้อย่าบ่นนักเลยแก" ผมต่อว่าเจ้าอ้วนโตโต้ที่นั่งเลียงถุงด้วยความตะกละ
การหาอาหารเป็นอะไรที่ทำได้ยากที่สุดเพราะอาหารที่มีจำกัด และหาได้ยากในยุคที่มีแต่ผีดิบครองเมือง การที่เราจะเดินไปตามร้านขายของและเอาของกินมาได้อย่างปลอดภัยมันช่างยากสุดๆ
"ทนๆเอาหน่อยนะโตโต้" น้ำค้างพูดปลอบใจโตโต้
"ได้เราจะทน" โตโต้พูดไม่เต็มเสียงตอบน้ำค้าง
รุ่งขึ้นพวกเราทั้งสามก็ออกไปหาอาหารตามร้านขายของที่ไกลขึ้น เพราะร้านขายของส่วนมากจะมีแต่ของที่เราไม่ต้องการและกินไม่ได้ เราจึงต้องขึ้นไปบนถนนใหญ่อย่างเลี่ยงไม่ได้
"หลบๆ" ผมบอกกับเพื่อนทั้งสองให้มาหลบที่ด้านหลังรถเมื่อเห็นผีดิบเดินผ่านไป
"นี่เรามาไกลจากโกดังมากแล้วนะ น้ำค้างว่าเรากลับกันเถอะ ถ้ามืดแล้วจะแย่" น้ำค้างบอกกับพวกเรา เธอค่อนข้างขี้กลัวและหวาดระแวง
"แต่เราไม่ได้อาหารเลย ฉันหิวจนเดินไม่ไหวแล้ว" โตโต้โวยวาย
"คงกลับฐานไม่ทันแล้วล่ะ ตอนนี้ก็ใกล้มืดแล้วหาที่พักกันเถอะ พรุ่งนี้ค่อยออกเดินทางหาอาหารกันต่อ" ผมออกความคิดในฐานะผู้นำ เพราะตอนนี้มีเพียงผมเท่านั้นที่ไม่งี่เง่าบ่นเรื่องอาหารกับขี้กลัวจนเกินเหตุ
เรามานอนกันที่บ้านพักหลังหนึงที่เปิดประตูทิ้งเอาไว้ ข้างในมีโซฟาหน้าทีวีให้เรานอนกันได้พอดี
"ในนี้น่าจะมีของกิน ฉันได้กลิ่นอาหารด้วย" โตโต้ที่เข้ามาในบ้านเดินตรงไปห้องครัวทันทีเมื่อพูดจบ
"ใช่ลืมไปเสียสนิทเลยว่าในครัวมีอาหารที่เรากินกันได้" ผมพูดออกมาด้วยความดีใจ
"พวกเรามาทางนี้เร็ว" โตโต้ตะโกนเรียกพวกเรามาที่โต๊ะกับข้าวในครัว ที่ด้านบนยังมีอาหารอยู่บนโต๊ะ
"มีอะไรกินได้บ้าง" ผมตะโกนถามโตโต้ที่อยู่บนโต๊ะ
"ก็มีหลายอย่าง แต่บางอย่างก็บูดแล้ว แต่บางอย่างก็พอกินได้" โตโต้ตะโกนบอกมา
ผมกับน้ำค้างจึงรีบปีนขึ้นไปบนโต๊ะและร่วมทานอาหารที่มีกันจนอิ่ม
"วันนี้รอดตายไป" โตโต้พูดด้วยน้ำเสียงสบายใจเมื่อทานอาหารจนอิ่ม
คืนนี้พวกเรานอนหลับกันในบ้านหลังนั้นตรงโซฟาหน้าทีวี หลังจากที่ท้องหิวทานอาหารไม่เต็มอิ่มมาหลายคืน วันนี้จึงเป็นครั้งแรกในรอบหลายวันที่เราหลับกันอย่างสบายใจ
"เฮ้ย....ดูนั่นสิ เอาไปด้วยดีไหม" ช่วงสายของวันใหม่ผมได้ยินเสียงคนคุยกันแถวๆห้องที่เรานอนอยู่
"น่าจะจับเอาไปกินได้ ตอนนี้เราไม่มีทางเลือกมากนัก" เสียงผู้ชายร่างผอมพูดกับเพื่อนๆในห้อง เมื่อเห็นเราทั้งสามนอนอยู่
"จะบ้าหรอบอย เราจะกินพวกนี้เนี้ยนะ บ้าไปแล้ว" เสียงผู้หญิงพูดค้านขึ้นมา
"หนวกหูจริงๆ กำลังหลับสบาย ไปคุยกันที่อื่นไป" ผมบ่นเบาๆด้วยความอ่อนเพลีย
"เราไม่มีทางเลือกนะอร ร้านขายของแถวนี้ไม่เหลืออะไรให้เรากินเลย อีกอย่างมันก็ไม่ผิดอะไรซักหน่อนถ้าจะทำแบบนี้" เสียงผู้ชายอีกคนพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
"เป็นไงเป็นกัน ดีกว่าไม่มีอะไรกินเลย" เสียงผู้ชายอีกคนพูดสนับผู้ชายคนนั้นท่ามกลางเสียงคัดค้านของผู้หญิง....
"อุ๊บ...ช่วยด้วยริคกี้...!!!" เสียงรองของน้ำค้างปลุกผมตื่น เมื่อเห็นเธอถูกผู้ชายตัวโตผิวเข้มกำลังจับน้ำค้างใส่ถุงกระสอบ....
"ริคกี้!!!!" โตโต้เองก็โดนจับเหมือน เขาพยายามดิ้นรนต่อสู้แต่พวกเรายังเด็กและตัวเล็กมากจึงสู้แรงพวกผู้ใหญ่แบบนี้ไม่ไหว
"เหลือแกอีกตัว อรช่วยจับมันหน่อยซิ!!!!" ผู้ชายสองคนที่กำลังมัดปากกระสอบตะโกนบอกหญิงสาวร่างผอมผมยาวที่กำลังยืนสั่นอยู่
ผมที่เห็นท่าไม่ดีจึงรีบหนีออกมาจากตรงนั้นทันทีอย่างไม่รอช้า
"หนีไปจนได้เห็นไหม...!!!!" ผู้ชายร่างผอมที่จับโตโต้ตะโกนออกมาด้วยความไม่พอใจ
"ใครอยู่ข้างนอกดักจับมันเร็วเข้า อย่าให้หนีไปได้!!!" เสียงผู้ชายร่างอ้วนดำที่จับน้ำค้างตะโกนบอกคนข้างนอกให้จับตัวผม
เมื่อผมวิ่งออกมาก็พบชายหญิงหลายคนที่นั่งอยู่บนรถกระบะที่หน้าบ้าน ทุกคนมีอาวุทครบมือทั้งไม้ทั้งมีด พวกเขาก็คงจะเหมือนผมคือออกมาหาอาหารจนมาเจอพวกเรา และคิดจะเอาพวกเราไปทำเป็นอาหารกิน
ผมวิ่งหนีสุดชีวิตเพื่อเอาตัวรอด โดยที่คนข้างนอกไม่ทันตั้งตัวเมื่อได้ยินเสียงตะโกน ผมจึงสามารถหนีออกมาได้อย่างปลอดภัยในที่สุด
เมื่อพ้นจากการตามจับตัวของพวกผู้ใหญ่ใจร้ายมาได้ ผมก็เห็นพวกนั้นจับโตโต้กับน้ำค้างที่อยู่ในกระสอบขึ้นไปบนรถกระบะแล้วขับไป ผมจึงรีบวิ่งตามไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
พวกนั้นขับรถมาจอดที่ตึกร้างแห่งนึงที่เคยเป็นโชว์รูมรถยนต์ขนาดใหญ่ ที่ตอนนี้มีแต่รถที่โชว์จอดทิ้งเอาไว้เต็มหน้าทางเข้า ผมที่ตัวเล็กจึงสามารถคลานลอดจากใต้ท้องรถคันนึงไปอีกคันนึงได้โดยที่ไม่ถูกเห็น และระหว่างทางที่ผมวิ่งมาผมไม่เจอกับพวกผีดิบเลย นอกจากซากศพผีดิบที่นอนตายตามถนนบนพื้นเท่านั้น คิดว่าพวกวัยรุ่นพวกนี้คงกำจัดไปจนหมด
"วันนี้ได้อะไรมาบ้าง" เมื่อรถจอดกลุ่มคนที่อยู่ที่โชว์รูมก็ถามคนที่มากับรถกระบะ
"ได้ของกินมานิดหน่อย แล้วก็พวกนี้ด้วย" ชายร่างอ้วนดำโชว์กระสอบที่มีน้ำค้างกับโตโต้อยู่ให้คนอื่นดู
"ท่าทางน่าอร่อย" หญิงสาวผิวดำผมหยิกพูดยิ้มๆเมื่อเห็นกระสอบ
"บ้าไปแล้วที่เราจะกิน" หญิงสาวคนเดิมที่มากับรถกระบะพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจก่อนจะเดินลงมา
"รีบเข้าไปข้างในก่อนเถอะ ยืนตรงนี้นานๆไม่ปลอดภัย" เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นมาที่ทางด้านในโชว์รูมรถ ผมที่แอบอยู่ใต้ท้องรถถึงกับตกใจเมื่อเห็นเรย์ยืนอยู่ เธอยังไม่ตาย
"ไม่ต้องห่วงไปหรอก เรากำจัดพวกมันไปหลายตัวแล้วระหว่างทาง โชคดีที่แถวนี้เป็นแถบชานเมืองคนไม่ค่อยเยอะ พวกศพพวกนั้นก็แห่กันไปตายอยู่ในเมืองกันหมด แถวนี้เลยปลอดภัยอย่างที่เธอบอกจริงๆเรย์" ชายร่างผอมที่ลงมาจากรถกระบะพูดกับเรย์ "ตอนนั้นถ้าเราไม่เชื่อเธอว่าให้หนีมาที่นี่พวกเราคงตายไปแล้ว" ชายหนุ่มร่างผอมพูดยิ้มๆกับเรย์ สีหน้าแววตาของชายคนนั้นไม่น่าไว้วางใจเลย
"เราแค่เดาถูกเท่านั้นเองบอม" เรย์ไม่สบตายชายร่างผอม เธอเดินเข้าไปข้างในโชว์รูมเมื่อพูดจบ
ผมยืนดูเรย์กับชายร่างผอมเดินเข้าไปในโชว์รูม ที่ประตูกระจกมีคนยืนเฝ้าอยู่ผมจึงเลี่ยงไปทางอื่นเพื่อหาทางเข้าไปด้านใน
"นั่นไง...." ผมเดินรอดใต้ท้องรถมาเรื่อยๆจนมาถึงด้านข้างของโชว์รูม ก็เจอทางเล็กๆที่พอจะรอดได้พอดี มันเป็นช่องลมที่อยู่ด้านข้างโชว์รูม ผมจึงค่อยๆปีนขึ้นไปบนลังไม้เพื่อไปที่ช่องลมนั้น
เมื่อเข้ามาด้านในผมก็ได้ยินเสียงผู้หญิงสองคนคุยกัน ผมจึงหันไปดูตรงช่องตะแกรงที่อยู่ตรงช่องระบายอากาศพอดี
"เรย์เธอก็ไม่เห็นด้วยใช่ไหมที่จะเอาเด็กๆพวกนี้มากิน เราสงสาร" หญิงสาวที่มากับรถกระบะพูดกับเรย์
"อรพูดถูกเราก็ไม่เห็นด้วย เดี๋ยวเราจะไปพูดกับบอมเอง" เรย์บอกกับอรหญิงสาวที่มากับรถกระบะ
"ยังไงก็ระวังๆไวด้วยนะเรย์ เราไม่ค่อยวางใจบอมเลย หมอนั่นชอบมองเธอแปลกๆมาตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว" อรบอกกับเรย์
"ขอบใจจ๊ะ" เรย์บอกกับอร
ผมได้ยินทุกอย่างที่ทั้งสองคนพูดอย่าชัดเจน ซึ่งก็แปลว่าการอ่านแววตาของผมไม่ผิดไปอย่างที่คิด ชายคนนั้นไม่น่าไว้วางใจจริงๆ
เมื่อทั้งสองคนเดินจากไป ผมก็รีบดันช่องตะแกรงให้หลุดออกทันที เพื่อจะกระโดดลงมาด้านล่างเพื่อเข้ามาด้านในของโชว์รูม
ด้านในของโชว์รูมรถนั้นมีรถจอดอยู่มากมาย ผมเคยเห็นรถเหล่านี้ในทีวีหลายครั้งจนเป็นเรื่องปกติ ในนี้มีนักศึกษาชายหญิงเดินไปมาหลายคน ทุกคนมีอาวุทครบมือทั้งมีดทั้งไม้และปืน
ผมรีบวิ่งไปตามทางอย่างรวดเร็วและเงียบสนิทเพื่อตามหาน้ำค้างกับโตโต้ ที่นี่ค่อนข้างกว้างจนผมไม่รู้ว่าจะไปเริ่มหาทั้งสองจากที่ไหนก่อนดี
"ปล่อยพวกเราไปเดี๋ยวนี้เลยนะพวกแก!!!" ระหว่างที่ผมกำลังสับสนว่าจะไปทางไหนต่อ ผมก็ได้ยินเสียงของโตโต้ดังขึ้นมาที่ด้านนึงของโชว์รูม
"ร้องให้มันเบาๆหน่อยได้ไหมว่ะหนวกหู!!!" ชายคนนึงที่ยืนเฝ้าหน้าประตูถือไม่เบสบอลเปื้อนเลือดทุบประตูห้อง ตะโกนว่าโตโต้ที่ถูกขังอยู่ในห้องนั้น
"พวกแกก็ปล่อยเราไปซิพวกผู้ใหญ่ใจร้าย!!!" โตโต้ตะโกนตอบไปด้วยความโกรธ
ผมควรจะทำอย่างไรดีจึงจะช่วยทั้งสองได้....
"บอมเราขอคุยด้วยได้ไหม" เสียงของเรย์ดังขึ้นข้างหลังผม ระหว่างที่ผมกำลังแอบอยู่ที่ตรงหัวมุม ก่อนจะรีบวิ่งหนีไปแอบที่ใต้โต๊ะในห้องๆหนึ่งแถวนั้น
"มาคุยกันในห้องนี้เถอะ" ชายร่างผอมที่ชื่อบอมชวนเรย์เข้ามาในห้องที่ผมเพิ่งเข้ามาแอบที่ใต้โต๊ะพอดี
"เราอยากจะขอนายเรื่องเด็กๆพวกนั้น เราไม่ควรเอาพวกนั้นมากินเป็นอาหารมันผิด เราเห็นด้วยกับอร" เรย์เปิดฉากพูดทันทีเมื่อเข้ามาในห้อง
บอมชายร่างผอมเกาหัวตัวเองเบาๆเมื่อฟังเรย์พูดเรื่องนี้
"คิดอยู่แล้วว่าเธอต้องพูดแบบนี้ เรารู้ว่าเธอรักพวกนั้นมาก เราเข้าใจนะ" บอมชายร่างผอมเดินไปเดินมาที่ประตู "แต่โลกเราตอนนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว เราแทบจะหาอาหารไม่ได้เลยตอนที่ออกไปข้างนอก อีกอย่างมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เราจะทำแบบนี้ บางที่เขาก็กินกันไม่เห็นจะแปลกอะไรเลย"
"แต่เราไม่เห็นด้วย" เรย์ยื่นคำขาดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
"แล้วระหว่างอดตายกับพวกนั้นเธอจะเลือกอะไร" บอมเดินมาใกล้ๆเรย์แล้วพูดกับเธอเบาๆด้วยแววตาไม่น่าไว้วางใจ
"เรายอมอดตาย ดีกว่าทำเรื่องแบบนั้น" เรย์บอกด้วยน้ำเสียงหนักแน่น เธอพยายามเดินถอยหลังมาจนชนโต๊ะที่ผมแอบอยู่เมื่อบอมเดินเข้ามาใกล้เรย์เรื่อยๆ
"เราก็คิดแบบนั้น...." บอยเดินเข้ามาใกล้เรย์เรื่อยๆเมื่อเธอเดินถอยมาติดโต๊ะด้านหลัง "เรามีข้อแม้ให้เธอเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน" บอยจับมือขวาของเรย์ขึ้นมา "ถ้าเธอยอมเป็นของเราๆจะปล่อยพวกนั้นไป ไม่ซิให้เธอดูแลพวกนั้นด้วยก็ได้เราสัญญา"
"เธอว่าอะไรนะบอย!!!" เรย์คิ้วขมวดเธอสะบัดมือออก และถามบอยอีกครั้งด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
"เราน่ะแอบชอบเธอมานานแล้วนะเรย์ ตั้งแต่เราอยู่ปีหนึ่งเราก็ตามแอบดูเธอมาตลอด เรารู้ว่าเธอชอบอะไรไม่ชอบอะไรเรารู้หมด เพราะเราตามดูเธอมาตลอดทุกวินาที" บอยโชว์โทรศัพท์มือถือที่มีรูปขอเรย์ที่แอบถ่ายเอาไว้มากมาย ทั้งรูปตอนอยู่บ้านที่แอบถ่ายทางหน้าต่าง รูปไปข้างนอกและรูปที่มหาวิทยาลัย
"นาย....!!!" เรย์อึ้งพูดอะไรไม่ออก
"ถ้าเธอยอมเป็นของเรานะเรย์ แม้แต่จักรวาลเราก็ให้เธอได้ถ้าเธอยอมเป็นของเรา" บอยทำตาโตหายใจแรง เขาคว้าข้อมือของเรย์ทั้งสองข้างขึ้นมา
"เราชอบเธอนะเรย์ ชอบมานานแล้วด้วย!!!" บอยพูดเสียงดังด้วยสีหน้าหื่นกระหาย
"จะบ้าไปแล้วหรอบอย!!!" เรย์สะบัดมือบอยออก "นายจะทำอะไรก็เชิญเราไม่ยุ่งด้วยแล้ว!!!" เรย์จะเดินออกจากห้องแต่ก็ถูกบอยวิ่งมาขวางเอาไว้
ตอนนั้นโทรศัพท์ของบอยก็หล่นลงมาบนพื้นตรงหน้าผม ในโทรศัพท์มีรูปผมกับเรย์กำลังนั่งคุยกันอยู่ ซึ่งนั่นก็แปลว่านายบอยคนนี้รู้ดีว่าผมกับเรย์รู้จักกัน
"ไม่ได้เราไม่ให้เธอไปหรอก!!!" บอยล๊อคประตูขวางทางไม่ให้เรย์ออกไป "ในเมื่อขอกันดีๆไม่ให้งั้นเราก็จะใช้กำลังกับเธอล่ะ!!!" บอยกระโจนเข้าปลุกปล้ำเรย์ที่กำลังตกใจ
ผมที่แอบดูอยู่รู้ทันทีว่าเรย์กำลังตกอยู่ในอันตราย ผมจึงรีบวิ่งออกมาจากใต้โต๊ะทันที
"ปล่อยแรย์เดี๋ยวนี้นะ!!!" ผมตะโกนเสียงดังออกไปจนชายร่างผอมที่บอยตกใจเมื่อได้ยินเสียงผมตะโกนของผม
"แก...!!!มาได้ยังไง!!!" บอยตะโกนถามด้วยความตกใจ
"ริคกี้!!!" เรยมากอดผมด้วยความดีใจ
"ปล่อยเรย์กับพวกเราเดี๋ยวนี้เลยนะ!!!" ผมตะโกนบอกไป
"คิดว่าข้าจะกลัวแกรึไงไอ้หนู....!!!" บอยไม่มีทีท่ากลัวผมแม้แต่น้อย
"ริคกี้หนีไป!!!" เรย์บอกกับผม แต่ผมจะไม่หนีอีกแล้ว ผมจะปกป้องคนที่ผมรักด้วยชีวิต
"กรี๊ดดดดดด!!!! ก๊ากกกกก ก๊ากกกกก!!!!" ขณะที่เราทั้งสามกำลังอยู่ในห้อง ด้านนอกห้องก็มีเสียงร้องดังออกมา มีทั้งเสียงร้องด้วยความกลัวและเสียงของพวกผีดิบปะปนกัน
"เกิดอะไรขึ้น!!!" บอยที่กำลังตกใจตะโกนออกมา ตอนนั้นเองเรย์จึงฉวยโอกาสผลักบอยให้พ้นประตูและเปิดออกไปด้านนอกพร้อมกับผมทันที
"กรี๊ดดดดดดด!!!" เรย์วิ่งตามเสียงร้องไปพร้อมกับผม จนมาเจออรเพื่อนสาวของเรย์ที่วิ่งมาทางนี้พอดี
"เกิดอะไรขึ้นอร!!!" เรย์ถามอรที่วิ่งมาด้วยสีหน้าหวาดกลัวสุดขีด
"ต้อม ต้อมเขาถูกกัดตอนออกไปหาของกินเมื่อเช้า!!! ตอนนี้เขากลายเป็นผีดิบไล่กัดทุกคนในนี้จนติดเชื้อไปกันหมดแล้ว เราต้องรีบหนีไปจากที่นี่!!!" อรบอกกับเรย์ด้วยความตกใจ
"เราต้องไปช่วยน้ำค้างกับโตโต้ก่อน!!!" ผมตะโกนออกมาก่อนจะรีบวิ่งไปช่วยเพื่อนทั้งสองคนทันที
"เดี๋ยวรอด้วยริคกี้!!!" เรย์วิ่งตามผมมาพร้อมกับอรเพื่อมายังห้องขังที่พวกโตโต้อยู่
ที่หน้าประตูห้องขังตอนนี้มีพวกผีดิบสามตัวกำลังนั่งรุมแทะร่างชายที่เฝ้าประตูคนนั้นอย่างหิวโหย มือที่ถือไม้เบสบอลยังสั่นกระตุกเป็นพักๆระหว่างถูกกิน
"เรารีบหนีจากที่นี่กันเถอะ!!!" อรบอกกับเรย์
"แต่เราต้องช่วยพวกเด็กๆก่อน!!!" เรย์บอกกับอร "งั้นเอาแบบนี้ เธอไปเอารถมาแล้วเราไปเจอกันที่ด้านหลังโชว์รูม เราช่วยเด็กๆพวกนี้ได้แล้วจะตามไป"
"ก็ได้....รีบมาล่ะ" อรบอกกับเรย์ก่อนจะรีบวิ่งไป
"เพื่อนเธออยู่ในนั้นใช่ไหมริคกี้" เรย์ถามผม
"ใช่!!!" ผมตอบเสียงดัง
"งั้นก็มีทางเดียวคือต้องสู้" เรย์บอกกับผม เธอหันซ้ายหันขวาเพื่อหาอะไรบางอย่าง จนไปเจอไม้หน้าสามที่เปื้อนเลือดตกอยู่แถวนั้น....
"นับสามนะริคกี้" เรย์บอกกับผม เราสบตากันเป็นครั้งสุดท้ายด้วยความมั่นใจในสิ่งที่กำลังจะทำ ก่อนที่เรย์จะวิ่งออกไปเมื่อนับสาม
"สาม!!!" ไม่มีหนึ่งกับสองเมื่อเรย์นับ เธอรีบวิ่งออกไปจากจุดที่ซ่อนตัวทันที
"ก๊ากกกกก!!!" ผีดิบตัวนึงหันมาเห็นเรย์ที่วิ่งมาพร้อมไม้จึงรีบกระโดดลุกขึ้นยืน แล้วพุ่งมาทำร้ายเรย์ทันที
"ไปลงนรกซะเถอะ!!!" เรย์ฟาดไม้หน้าสามใส่ผีดิบผู้ชายที่วิ่งมาหาเธอที่หัวอย่างแรง จนมันล้มลงชักกระตุกบนพื้น
"ก๊ากกกก!!!" อีกสองตัวที่เหลือก็รีบลุกขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินเสียงเรย์ตะโกน
"ขอโทษนะน้อง!!!" เรย์ตะโกนเสียงดังก่อนจะฟาดไม้ใส่ผีดิบเพื่อนสาวที่วิ่งมาอย่างแรง ก่อนจะหันมาฟาดใส่ผีดิบเพื่อนชายอีกคนอย่างรวดเร็วจนทั้งสองคนล้มลงไปกองบนพื้น
เรย์รีบเปิดประตูช่วยน้ำค้างกับโตโต้ออกมา
"นึกแล้วว่านายต้องมาช่วยเพื่อนยาก!!!" โตโต้ตะโกนด้วยความดีใจเมื่อเห็นผม
"มันเกิดอะไรขึ้น!!!" น้ำค้างตกใจเมื่อเห็นศพนอนตาย
"ไว้จะเล่าให้ฟังทีหลัง ไปกันเถอะ!!!" ผมบอกเพื่อนทั้งสอง
"มาทางนี้เร็วเข้าเด็กๆ" เรย์ตะโกนเรียกพวกเราให้วิ่งตามมมาทันที
"ก๊ากกกกก!!!" เรย์ฟาดไม้ใส่เพื่อนที่เป็นผีดิบไม่ยั้งระหว่างทาง สีหน้าแววตาของเรย์นั้นมุ่มมั่นที่จะเอาชีวิตรอดมาก ขนาดพวกเราที่ตามหลังยังตกใจ
เรย์พาพวกเรามาจนถึงโรงจอดรถด้านหลังโชว์รูม โดยระหว่างทางเรย์ได้จัดการเพื่อนๆที่ติดเชื้อไปหลายคน ผมไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเรย์ถึงยังมีชีวิตรอดมาจนถึงตอนนี้
"แปล๊น!!!" เสียงแตรรถดังขึ้นเมื่อพวกเรามาถึงโรงจอดรถ อรที่เห็นพวกเราจึงบีบแตรเรียก
"ทางนี้เด็กๆ!!!" เรย์บอกพวกเราให้วิ่งไป
"ก๊ากกกกก!!!" ระหว่างทางนั้นเองบอยที่กลายเป็นผีดิบไปแล้วกระโดดมาขวางหน้าเอาไว้
"ไปลงนรกซะเถอะไอ้โรคจิต!!!" เรย์ถีบบอยที่หน้าอกอย่างแรง ก่อนจะเอาไม้ฟาดที่หัวของเขาเมื่อบอยล้มลงไปนอนบนพื้น
"ขึ้นมาเร็วเข้า!!!" อรขับรถมารับเราทั้งหมด
"คนอื่นๆล่ะอร!!!" เรย์ถามเมื่อขึ้นมาบนรถ
"ตายหมดแล้ว เหลือแค่เราเท่านั้น ไปกันเถอะ!!!" อรบอกกับพวกเราก่อนจะรีบขับรถออกมาทันที
"ปลอดภัยแล้วนะเด็กๆ" เรย์ลูบหัวผมแล้วยิ้มให้
"ไม่ได้เรย์ผมคงไม่รอดขอบคุณนะครับ!!" ผมกระดิกหางตอบกลับไปด้วยความดีใจ
"ฉันก็คิดถึงนายริคกี้" เรย์ยิ้มให้ผม
"นี่น้องหมาของเธอหรอเรย์" อรถามเรย์ระหว่างขับรถออกมา
"จ๊ะ เป็นน้องหมาของป้าฉันเอง" เรย์บอกกับอร "ตอนแรกคิดว่านายตายไปแล้ว ได้เจอกันอีกครั้งแบบนี้ดีใจสุดๆไปเลย"เรย์กอดผม
"ผมก็เคยคิดว่าเรย์ตายไปแล้วเหมือนกัน ดีใจจังที่เจอ" ผมกระดิกหางไปมาด้วยความดีใจ
"ได้เจอเจ้านายด้วยอิจฉาแกจังริคกี้" โตโต้พูดกับผม
"ใช่ๆ" น้ำค้างกระดิกหางแลบลิ้น
"ยินดีที่รู้จักนะสาวน้อยกับรูปหล่อ" เรย์ลูปหัวน้ำค้างกับโตโต้ด้วยรอยยิ้ม
"แล้วเราจะเอายังไงต่อไปดี" อรถามเรย์ระหว่างขับรถไปบนถนนที่ว่างเปล่า
"ไม่รู้เหมือนกัน คงเดินทางไปเรื่อยๆนั่นล่ะ ใช่ไหมเพื่อน" เรย์หันมายิ้มกับผม
"ใช่ๆๆๆ" ผมตะโกนบอกไปด้วยความดีใจ....
อ่าน....มาถึงตรงนี้แล้วคุณคงไม่ต้องแปลกใจนะครับ ผมกับโตโต้และน้ำค้างคือสุนัขครับไม่ใช่คน นี่คือเรื่องราวของเราเรื่องราวของหมาน้อยสามตัวในโลกอันโหดร้าย แต่ตอนนี้กลับเพิ่มคนมาอีกสองคน
ถ้าคุณไม่เชื่อว่าพวกเราคือหมาน้อยคุณก็กลับไปอ่านใหม่อีกครั้งได้ครับ แล้วคุณจะเข้าใจ
ต่อจากนี้ไปผมเองก็ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป ผมรู้แค่ว่าตอนนี้ผมมีเรย์มีเจ้าอ้วนโตโต้มีน้ำค้างและมีอร แค่นี้ผมก็พร้อมจะมีชีวิตอยู่บนโลกที่มีแต่ผีดิบแล้วครับ.....
"โฮ่ง!!! โฮ่ง!!!" ผมตะโกนเสียงดังออกนอกหน้าต่างท่ามกลางถนนที่รกร้างไร้ซึ่งมนุษย์.....
จบ



ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น