ตอนที่2. วันแห่งหายนะ


                      
                  ตอนที่2. วันแห่งหายนะ

                       

                      ผมชื่อหนอนผมเป็นตากล้องทำข่าวทั่วไปของช่องไทยทีวี ผมทำข่าวมาแล้วหลากหลายพื้นที่ทั่วประเทศไทย ทั้งขึ้นเหนือล่องใต้มุดดินดำน้ำลุยป่าเข้าถ้ำ เพื่อการหาข่าวผมสามารถไปได้ทุกที่พร้อมกล้องคู่ใจ ผมทำข่าวมาแล้วทุกแบบตั้งแต่ข่าวดารายันไฮโซในงานเลี้ยง ไปจนถึงข่าวอาญากรรมที่มีทั้งศพเน่าเละไปจนถึงศพจากสงคราม ผมเห็นมาแล้วทุกรูปแบบทั้งชีวิตทำงานของผม...
       
                     แต่สิ่งที่ผมเห็นอยู่ตอนนี้มันกลับแตกต่างอย่างสิ้นเชิง ตลอดชีวิตทำข่าวตลอดหลายสิบปีของผมไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน

                     ผมควรเรียกมันว่าอะไรดี....!!!

                   
                     ความพินาศวอดวาย....!!!
       
                     หายนะของโลก...!!!

                     หรือเรียกว่าคราวซวยของมนุษย์สยชาติดี....!!!!


                     แต่ก็ไม่มีคำไหนเหมาะไปกว่าคำนี้....


                     จุดจบของโลก....!!!!


                     ก่อนหน้านั้น เวลา8.29นาที


                     "วันนี้ไม่ไปไหนหรือไง" พี่อ้วนชายไว้หนวดเคราลงพุงสวมหมวกแก๊ปเก่าๆสีดำ เพื่อนร่วมงานคนขับเฮริคอปเตอร์ประจำช่อง ทักทายผมที่โต๊ะทำงานในเช้าวันทำงานที่แสนน่าเบื่อ


                     "คงไม่ไปไหนหรอกพี่ ช่วงนี้ไม่ค่อยมีข่าวอะไรน่าสนใจ มีแต่ข่าวประท้วงปิดถนนเอาไว้ยิงกันเมื่อไหร่ผมค่อยไป" ผมนั่งหมุนปากกาที่โต๊ะทำงานด้วยท่าทางเบื่อหน่าย


                      หลังจากทำงานมานานหลายปีพบเจออะไรมามากมาย ตอนนี้มันคงจะถึงจุดอิ่มตัวในอาชีพของผมแล้วก็ว่าได้ ไม่นานผมคงต้องไปหาความท้าทายใหม่ในอาชีพอื่น


                      "งั้นหรอ นี่มียาแก้ไอบ้างไหม แค๊ก แค๊ก ไอมาตั้งแต่เช้าแล้วเจ็บคอไปหมดเลย" พี่อ้วนถามผมระหว่างกดน้ำที่ตู้มาดื่ม


                      "ไม่ไปหาหมอล่ะ เกิดเป็นอะไรขึ้นมาระหว่างบินจะยุ่งเอาเปล่าๆ" ผมเตือนพี่ชายด้วยความหวังดี


                       "โอ้ยไม่ได้หรอก ถ้าเกิดกินยาไปแล้วง่วงระหว่างบินจะงานเข้ากว่านี้" พี่อ้วนไอไปพูดไป


                       "ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด" เสียงโทรศัพท์ที่โต๊ะทำงานของผมดังขึ้นมา


                       "ฮาโหล สถานีข่าวไทยทีวีครับ อ้าวพลอยหรอ" คนที่โทรมาคือพลอยแฟนสาวที่คบกันมา2ปี เธอเป็นนางพยาบาลที่โรงพยาบาลแห่งนึง เรารู้จักกันโดยบังเอิญระหว่างทำข่าวอุบัติเหตุ

                       "แบตโทรศัพท์หมดอีกแล้วใช่ไหม บอกกี่ครั้งแล้วว่าให้ชาร์ตแบตเอาไว้ตลอด" พลอยคงโทรมาที่มือถือของผมก่อนจะโทรมาที่เบอร์ของสถานี

                       "พอดีช่วงนี้ยุ่งๆเลยลืมชาร์ตไปเลย" ผมโกหก

                        "ช่างเถอะ วันนี้พลอยคงไปทานข้าวด้วยไม่ได้แล้วล่ะ ตอนนี้มีคนไข้ป่วยเป็นโรคแปลกๆมาเต็มโรงพยาบาลเลย ทั้งพยาบาลทั้งหมอวิ่งวุ่นกันทั้งวัน" เสียงของพลอยฟังดูเหนื่อยๆอย่างเห็นได้ชัด และตอนที่พลอยพูดสายก็มีเสียงไอของคนไข้ดังแทรกขึ้นมาเป็นระยะ

                       "ไม่เป็นไรหรอกพลอยทำงานไปเถอะแค่นี้ อ้าว วางสายไปเสียแล้ว" ผมพูดไม่ทันจบพลอยก็วางสายไปก่อน

                        "ได้ข่าวว่าจองโต๊ะร้านหรูที่ตึกใบหยกมาไม่ใช่หรอ สาวไม่ว่างแบบนี้น่าสงสารจริงๆ" พี่อ้วนที่ได้ยินผมพูดโทรศัพท์ตะโกนมาจากโต๊ะทำงานของเขา

                         "ผมขายต่อพี่เอาไหม พี่จะได้ไปกินกับเมียที่บ้าน" ผมตะโกนแซวกลับไป

                         "เอาซิแต่ข้าจะไปกินกะเมียน้อยนะไม่ใช่อีแก่ที่บ้าน" เราสองคนหัวเราะเมื่อพูดจบ

                         "หมดเวลาพักแล้วสาวๆมีงานเข้า" บก.ชายแก่วัย50ปีเศษเดินเข้ามาในออฟฟิศพร้อมกระดาษในมือเดินตรงมาที่ผม

                         "มีข่าวอะไรหรอครับบก." ผมถาม

                         "เมื่อกี้สายข่าวแถวคลองเตยรายงานว่ามีสารเคมีรั่วไหลลงแม่น้ำที่ท่าเรือคลองเตย ตอนนี้ทางผู้ว่ากรุงเทพกำลังปิดเรื่องนี้อยู่ โชคเข้าข้างเราเพราะตอนนี้ยังไม่มีใครรู้เรื่องนี้นอกจากเรา" บก.พูดกับผม

                         "สารเคมีจากที่ไหนหรือครับ" ผมถามระหว่างรับกระดาษที่บอกสถานที่ว่าคือจุดไหนของคลองเตย

                          "น่าจะมาจากอเมริกาไม่ก็แถบตะวันออกกลาง ไปดูเดี๋ยวก็รู้เอง" บก.บอกกับผมก่อนจะหันไปทางพี่อ้วนที่กำลังนั่งไอ "อ้วนแกขับเฮลิคอปเตอร์พาหนอนไปเก็บภาพมุมสูง ก่อนที่ช่องอื่นจะรู้เรื่องนี้เข้าใจไหม" บก.หันมาพูดกับพี่อ้วน

                           "แล้วต้องมีนักข่าวไปรายงานข่าวไหมครับบก." พี่อ้วนถามบก.ระหว่างไอเป็นระยะๆ

                           "ไม่ต้องก็ได้ แค่เก็บภาพมาก็พอเดี๋ยวข้อมูลก็ให้สายข่าวเราส่งมาอีกที เพราะตอนนี้นักข่าวของเราออกไปทำข่าวประท้วงกับข่าวโรคประหลาดไม่มีใครว่างเลย"

                           บก.มองหน้าพี่อ้วนเมื่อพูดกับเขา "ท่าทางดูไม่ค่อยดีเลยไหวรึเปล่า" บก.ถามพี่อ้วนเมื่อเห็นเขาหน้าซีดเหงื่อไหลเป็นน้ำ

                            "ไหวครับแค่นี้เอง" พี่อ้วนพูดยิ้มๆระหว่างปาดเหงื่อ

                            "ดีงั้นฝากด้วยแล้วกัน" เมื่อพูดจบบก.เองก็เริ่มไอออกมาเช่นกัน "คอแห้งจังสงสัยต้องกินน้ำมากๆซะแล้ว" บก.บ่นกับตัวเองระหว่างเดินกลับไปที่ห้องทำงานของตน

                            "ไปกันเถอะครับ" ผมเก็บกล้องใส่กระเป๋าพร้อมออกทำงาน

                            พี่อ้วนพาผมมาที่เฮลิคอปเตอร์ประจำช่องที่จอดอยู่บนดาดฟ้า "โชคดีที่พี่อยู่ที่นี่พอดีผมเลยไม่ต้องขับรถฝ่าม๊อบไปทำข่าวที่คลองเตย"

                             พี่อ้วนไอแทนคำตอบเมื่อขึ้นขับเครื่องบิน

                             ระหว่างบินอยู่บนฟ้าพี่อ้วนก็ไอรุนแรงมากขึ้นจนผมรู้สึกเป็นห่วง

                             "ไหวรึเปล่าพี่" ผมถามพี่อ้วนเพราะผมห่วงชีวิตตนเองมากกว่าในตอนนี้

                             "ไหวๆ" พี่อ้วนพยักหน้าพูดกับผม "ดูนั่นซิ" พี่อ้วนเปลี่ยนเรื่องพูดเมื่อเขาเห็นอะไรบางอย่างที่ด้านล่าง

                             "อะไรกันว่ะเนี้ย!!!!" ผมอุทานออกมาด้วยความตกใจ เมื่อมองลงไปที่ด้านล่างซึ่งตอนนี้มีแต่ความแตกตื่นวุ่นวาย ผู้คนต่างหนีเอาตัวรอดกันอย่างอลม่าน

                              บนถนนรถหลายคันวิ่งชนกันไปมาเหมือนกำลังแตกตื่นหนีตายจากอะไรซักอย่าง รถหลายคันพยายามขับเบียดขึ้นมาที่บนฟุตบาท วิ่งชนทับคนที่หนีตายไปหลายคน โดยที่ทุกคนต่างก็พากันเอาแต่วิ่งหนีเอาตัวรอด โดยที่ไม่มีใครสนใจคนที่บาดเจ็บหรือคนตายบนถนนเลย

                              "ม๊อบประท้วงยิงกันรึเปล่า" พี่อ้วนไอไปพูดไประหว่างที่เบื้องล่างเกิดความวุ่นวายที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน

                               "ไม่ใช่อย่างแน่นอน" ผมหยิบกล้องมาถ่ายทันทีอย่างไม่รอช้า

                               ผมซูมไปบนท้องถนนที่มีผู้คนหนีตายกันอย่างชุลมุน หลายคนมีสภาพเลือดท่วมตัวบางคนมีแผลแหวะหวะเต็มตัว คนเหล่านั้นวิ่งไล่กัดคนที่ไม่เป็นอะไรอย่างบ้าคลั่ง รถบนถนนหลายคันชนกันติดยาวไปตลอดถนนทั้งสายในกรุงเทพ

                               "บ้าไปแล้วดูนั่นซิ" พี่อ้วนตะโกนเรียกผมดูรถเมล์ที่ขับชนรถทุกคันที่ขวางหน้าบนถนน ก่อนจะถูกรถตู้อีกคันนึงตรงสี่แยกขับชนอย่างแรง จนคนขับรถเมล์กระเด็นออกมาทางหน้าต่างฝั่งคนขับนอนชักอยู่ในร้านอาหารตามสั่ง ส่วนคนขับรถตู้ก็กระเด็นทะลุกระจกรถตัวเอง อัดก๊อปปี้กับรถเมล์ร่างเละติดรถเมล์สายนั้น

                                 "อะไรกันว่ะเนี้ย!!!!" ผมอุทานออกมาด้วยความตกใจ สิ่งเหล่านี้มันคือเรื่องจริงที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความฝัน....

                                 ผมพยายามรวบรวมสติที่มี ควบคุมตัวเองไม่ให้ตื่นกลัวกับสิ่งที่เกิดขึ้น

                                มือของผมสั่นเทาด้วยความตื่นเต้น มันต่างจากการทำข่าวสงครามที่ผมเคยเจอมาอย่างสิ้นเชิง มันคือหายะที่เกิดจากอะไรบางอย่างที่ทำให้คนเป็นๆเกิดบ้าคลั่งทำร้ายคนกันเองอย่างไม่มีเหตุผล

                               ผมซูมลงไปจับภาพต่างๆที่เกิดขึ้นบนท้องถนนให้มากที่สุด

                               ผมเห็นผู้คนต่างหนีตายเข้าไปในร้านสะดวกซื้อเพื่อแย่งอาหาร ร้านขายของหลายร้านเต็มไปด้วยความวุ่นวายของคนเป็นที่ต้องการอาหาร เพื่อไปกักตุนเอาตัวรอดในเวลาที่โลกเกิดหายะ ห้างร้านที่ยังไม่เปิดก็ถูกทุบกระจกเข้าไปแย่งชิงข้าวของ หลายคนใช้โอกาสนี้ขโมยของต่างๆออกมา ขณะที่หลายคนพยายามหนีตายเพื่อเอาชีวิตรอด            
                             
                                "มันเหมือนหนังซอมบี้ชัดๆ" ผมซูมไปที่กลุ่มคนที่ก้มๆเงยๆเหมือนกำลังรุมกินอะไรบางอย่างอยู่ริมถนน เมื่อซูมไปชัดๆจึงรู้ว่าคนเหล่านั้นกำลังกินศพคนตายอยู่

                                 ผมเห็นชายคนนึงกำลังนั่งแทะขาของผู้หญิงคนนึงที่มีส้นสูงสีแดงอยู่ที่เท้า ชายคนนั้นแทะขาข้างนั้นอย่างหิวโหยเหมือนกำลังกินน่องไก่ก็ไม่ปาน ถัดไปไม่ไกลผมเห็นเด็กชายหญิงคู่นึงในชุดนักเรียน กำลังยื้อแย่งควักเครื่องในของชายคนนึงอยู่หน้าร้านขายของเล่น ฝั่งตรงข้ามของถนนผมเห็นลุงแก่ๆวัย60ปีเศษกำลังปลุกปล้ำชายหนุ่มคนนึง ก่อนที่ชายแก่จะกัดที่คอชายหนุ่มจนเลือดกระฉูดออกมาและล้มลงเป็นอาหารให้ชายแกกินทั้งเป็น

                                "นี่มันบ้าชัดๆ ไม่มีทางเป็นไปได้หรอก" ผมอึ้ง

                                "บ้าเอ๊ย!!!!" และที่อาคารตึกสูงผมเห็นคนหล่นลงมาจากดาดฟ้า หลายคนหนีตายขึ้นมาบนนี้เพราะถูกฝูงคนตายไล่มา บางคนถูกรุมกินโต๊ะส่วนหลายคนก็เลือกความตายโดยการกระโดดมากกว่ายอมถูกกินทั้งเป็น

                                  เสียงกรีดร้องของผู้คน เสียงร้องขอความช่วยเหลือและเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดทรมาณ ดังปะปนกันมั่วไปหมดบนท้องถนนวินาทีนี้ ผมเองก็ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าการนั่งดูหายนะครั้งนี้บนเฮลิคอปเตอร์....

                                  "ตูมมมม!!!!" เสียงระเบิดของปั๊มน้ำมันเมื่อมีรถคันนึงวิ่งไปชนปั๊มจนเกิดระเบิด เด็กปั๊มกระเด็นไปไกลข้ามมาที่ร้านอาหารอีกฝั่งของถนน

                                  " พี่เห็นไหมนั่น!!!!" ผมเรียกพี่อ้วนดูกลุ่มคนที่วิ่งหนีตายปะปนไปกับฝูงคนตายที่น่าจะเป็นซอมบี้ หลายคนล้มและถูกเหยียบถูกส้นสูงเจาะที่เบ้าตา(รองเท้ายังคาที่ศพ) บางคนก็ถูกคนตายกัดเลือดฟุ่งกระฉูดและกรีดร้องด้วยความทรมาณ ก่อนจะถูกคนตายคนอื่นมารุมกินโต๊ะทั้งเป็นอยู่ริมถนน

                                 ตอนนี้วินาทีนี้ทั้งคนเป็นและคนตาย ปะปนกันในกลุ่มคนที่หนีตายอย่างบ้าคลั่ง โดยที่ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร...!!!!

                                  หลายคนพยายามต่อสู้กับสิ่งที่เกิดขึ้น ชายคนนึงคว้ามีอีโต้ขึ้นมาฟันทุกคนที่วิ่งไปมาอย่างบ้าคลั่ง มีทั้งคนที่หนีตายและคนที่เป็นบ้าถูกฟันด้วยความไร้สติของชายคนนี้ และมีเด็กนักเรียนอาชีวะคนนึงเอาปืนออกมายิงทุกคนที่วิ่งเข้ามา แต่ด้วยจำนวนที่มีมากกว่าของคนตายที่ปะปนในความวุ่นวาย สุดท้ายเมื่อกระสุนหมดเด็กนักเรียนอาชีวะคนนั้นก็ถูกรุมฉีกร่างโดยที่ไม่สามารถขัดขืนได้

                                   มือของผมที่ถือกล้องสั่นเทาทำอะไรไม่ถูก นี่มันคือนรกชัดๆผู้คนหนีตาย คนตายกลับไล่ฆ่าคนเป็น มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่...????

                                   และตอนนั้นเองจู่ๆเครื่องบินก็เกิดส่ายไปมาอย่างรุนแรงเหมือนเครื่องยนต์มีปัญหา

                                   "พี่อ้วน!!!! พี่!!!!" ผมตะโกนเรียกพี่อ้วนด้วยความตกใจ

                                   "ก๊ากกกก ก๊ากกกกก" พี่อ้วนหันมาทางผมด้วยแววตาที่ขาวขุ่นหน้าซีดเผือก มือของเขาไม่ได้อยู่ที่คันบังคับเฮลิคอปเตอร์แล้ว เขาพยายามจะเข้ามากัดผมโดยที่ไม่สนใจเลยว่าตอนนี้เฮลิคอปเตอร์กำลังหมุนและดิ่งลงพื้น

                                    "บ้าเอ๊ย!!!!" โชคดีที่พี่อ้วนเขารัดเข็มขัดนิรภัย เขาจึงมาทำร้ายผมไม่ได้ แต่ตอนนี้สิ่งที่ผมต้องกลัวมากกว่าคือเรื่องเครื่องที่กำลังจะตกมากกว่า

                                    วินาทีนั้นเองที่เฮลิคอปเตอร์กำลังจะหล่นลงที่ด้านบนของห้างสรรพสินค้า ผมเห็นสระว่ายน้ำของห้างในวินาทีที่เฮลิคอปเตอร์จะหลง ผมจึงกระโดดอย่างไม่คิดชีวิตลงในสระน้ำได้อย่างเฉียดฉิว ขณะที่เฮลิคอปเตอร์พุ่งชนส่วนของห้างระเบิดเสียงดังสนั่น

                                    ผมรอดตายอย่างหวุดหวิด แต่กล้องที่ถ่ายเรื่องราวทั้งหมดกลับพังไปพร้อมกับเฮลิคอปเตอร์ไปแล้ว ผมดูนาฬิกาที่ข้อมือของตน มันบอกเวลา9.00นาทีพอดี โชคดีที่ห้างยังไม่เปิดที่นี่จึงนับว่ายังปลอดภัยระดับนึง

                                     แต่ตอนนั้นเองผมก็นึกถึงสิ่งๆนึงออกหลังจากรอดชีวิต....

                                     "พลอย!!!!" ผมนึกถึงแฟนสาวที่อยู่โรงพยาบาล ตอนนี้เธอจะเป็นยังไงบ้าง
                                   
                                     ผมเป็นห่วงเธอจริงๆ ตอนนี้โทรศัพท์ของผมก็ไม่ได้เอามา เบอร์โทรศัพท์ของพลอยที่จะโทรไปผมก็จำไม่ได้

                                     ผมควรจะทำยังไงดี....!!!!

                                     ผมควรฝ่าดงคนตายไปช่วยเธอหรือว่าควรจะเอาตัวรอดอยู่ในห้างแบบนี้ดี....

                                     ใครก็ได้บอกผมที....!!!!

                                     ตอนนี้ผมเดินมาที่ริมขอบตึกยืนดูหายนะของกรุงเทพที่ยังคงดำเนินไป เกิดไฟไหม้หลายๆจุดในตึกและห้าง รถบนท้องถนนแน่นิ่งไม่ขยับไปไหนแล้ว ขณะที่ผู้คนที่รอดชีวิตก็ค่อยๆหายไป หลงเหลือแต่คนตายที่วิ่งไปมาส่งเสียงดรีดร้องบนท้องถนน....

                                     นี่คือจุดจบของโลกหรือนี่....????

                                                               จบ



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น