ตอนที่4.อุบัติเหตุ
คุณคิดว่าคนเราจะแสดงธาตุแท้ออกมาเมื่อไหร่....เมื่อใกล้ตาย เมื่อสิ้นหวัง หรือเมื่อจนหนทาง....ทุกอย่างล้วนแล้วแต่นำพาให้เราไปสู่ธาตุแท้ที่เราสะกดมันเอาไว้ จนเมื่อมันถึงเวลาสิ่งเหล่านั้นก็จะระเบิดออกมา และผมก็รู้แล้วว่าธาตุแท้ของผมนั้นเป็นยังไง....
ผมชื่อน๊อตเป็นเด็กนักเรียนมัธยมต้นธรรมดาๆคนนึง ไม่มีอะไรพิเศษไปกว่านักเรียนคนอื่นๆ ผมเรียนไม่เก่งกีฬาไม่เด่นกิจกรรมรึก็ไม่ได้เอาไหนเท่าไหร่ เป็นแค่คนธรรมดาในหมู่คนธรรมดาก็เท่านั้น
ผมมีเพื่อนร่วมกลุ่มที่สนิทๆกันอยู่7คน มีผมแล้วก็มีโจ้หนุ่มรูปหล่อเงียบสุขุมเจ้าสำอางเป็นที่สนใจของสาวๆ แต๋นตัวตลกประจำกลุ่มคู่หูคู่ฮากับเฉิ่มที่ไปไหนไปกันเสมอ กับโอหัวหน้าห้องที่เป็นเหมือนพี่ใหญ่ประจำกลุ่มของเรา นอกจากนั้นก็มีอีกสองสาวนั่นคือน้ำกับกี้ลูกพี่ลูกน้องสองสาวที่ร่วมเฮฮาปาร์ตี้กับพวกเราเสมอ
คนเหล่านี้คือเพื่อนตายของผม เพื่อนที่รักของผม....
เช้าตรู่ของวันใหม่ที่แสนสงบสุข ผมออกจากบ้านแต่เช้าพร้อมกระเป๋าเสื้อผ้าที่เตรียมเอาไว้ตั้งแต่เมื่อวาน เพราะวันนี้ทางอาจารย์สมหมายอาจารย์ประจำชั้นของเรา จะพาพวกเราทั้งห้องไปเที่ยวทัศนศึกษาที่เขาใหญ่กัน
ผมรีบขึ้นรถเมล์สายประจำเพื่อมุ่งหน้าไปโรงเรียนตามที่นัดหมายกันเอาไว้ เมื่อขึ้นมาบนรถผมก็เห็นกี้นั่งอยู่ที่เบาะท้าย ผมจึงเดินไปนั่งข้างๆเธอทันที
"ไง" ผมทักทายกี้เมื่อเห็นเธอที่ท้ายรถ
"ไง" กี้ทักผมตอบด้วยรอยยิ้มก่อนที่เราจะไม่ได้พูดอะไรกันอีกเลยตลอดทาง
จะว่าไปผมกับกี้ถึงแม้จะเป็นเพื่อนสนิทที่อยู่ก๊วนเดียวกันก็ตาม แต่เราสองคนก็ไม่เคยนั่งคุยกัน2ต่อ2แบบนี้เลย ยิ่งต้องนั่งคุยกันแบบนี้ด้วยแล้วมันเพิ่งจะเกิดขึ้นครั้งแรก
ผมรู้สึกใจสั่นเล็กน้อยเมื่อได้นั่งข้างๆกี้เป็นครั้งแรก เพราะปกติจะเป็นน้ำที่เป็นลูกพี่ลูกน้องของกี้ที่อยู่ด้วยกันมากกว่า
ผมแอบมองหน้ากี้เมื่อมีโอกาส ไม่ซิทุกครั้งที่มีโอกาสเมื่ออยู่ในกลุ่มแทบจะทุกครั้งเลยมากกว่า เพราะผมแอบชอบเพื่อนคนนี้มานานแสนนานแล้ว ตั้งแต่ครั้งแรกที่ผมมาเรียนที่นี่และพบเธอเป็นครั้งแรก ผมก็ชอบกี้ขึ้นมาทันทีอย่างไม่มีเหตุผล และด้วยความโชคดีหรืออะไรดลใจก็ไม่ทราบ ทำให้ผมได้มาอยู่ในกลุ่มเพื่อนทั้ง7ที่มีกี้เป็น1ในเพื่อนกลุ่มนี้
"คนแก่มาลุกให้คนแก่นั่งด้วยค่ะ" เสียงกระเป๋ารถเมล์ตะโกนดังๆบอกคนในรถที่นั่งอยู่ให้เสียสละลุกขึ้นให้คนแก่ที่เพิ่งขึ้นมานั่ง
"คุณป้าขาทางนี้ค่ะ" กี้จะลุกขึ้นเสียสละที่นั่งแต่ผมชิงลุกก่อนที่กี้จะพูดด้วยซ้ำ
"ขอบคุณมากนะ แค๊ก แค๊ก" ป้าแก่วัย70ปีเศษพูดยิ้มๆกับผมที่ลุกที่ให้เธอนั่ง เธอไอออกมาเบาๆระหว่างพูดกับผม
กี้หันมายิ้มให้ผมเมื่อเห็นผมเป็นสุภาพบุรุษอย่างที่ควรเป็น
ตอนนั้นวินาทีนั้นผมไม่ได้ใส่ใจหรือสังเกตุอะไรมากมายนัก วินาทีนั้นผมเห็นแต่รอยยิ้มของกี้ที่ยังคงติดตาตรึงใจของผมอยู่ จึงทำให้ผมไม่ได้สังเกตุว่ามีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นกับผู้คนบนรถ
เมื่อรถเมล์ขับมาจอดที่ป้ายหน้าโรงเรียน ผมก็เห็นเพื่อนๆทุกคนในชั้นกำลังยืนรออยู่ที่รถทัวร์ เราสองคนเป็นคู่สุดท้ายที่มาตอนนี้
"มาสายจนได้" กี้พูดยิ้มๆกับผมเมื่อเห็นเพื่อนๆที่รอเราสองคนอยู่
"นั่นซิ" ผมพูดยิ้มๆ
"ครบสักที" โอที่เป็นหัวหน้าห้องนับจำนวนเพื่อนรวมชั้นที่มีทั้งหมด41คน ซึ่งเมื่อรวมผมกับกี้ที่เพิ่งมาถึงก็ครบพอดี
"ครบแล้วครับอาจารย์" โอที่เป็นหัวหน้าห้องบอกอาจารย์สมหมาย
"ดีงั้นขึ้นรถกันเลยทุกคน แค๊ก แค๊ก" อาจารย์สมหมายไอไปพูดไป
ทุกคนขึ้นรถทัวร์กันอย่างเป็นระเบียบ กว่าครึ่งของนักเรียนในชั้นของเรามีอาการไอแบบแปลกๆ แต่กลับไม่มีใครสนใจเรื่องนี้กันนัก เพราะแม้แต่คนที่ไอเองยังไม่สนใจอาการป่วยของตนเองเลย คงเพราะอยากไปเที่ยวกับเพื่อนๆมากๆ ถ้าป่วยหรือแสดงท่าทางอ่อนแอขึ้นมา อาจจะถูกไม่ให้ไปเที่ยวครั้งนี้ได้
พวกเราทั้ง7คนนั่งรวมกันที่เบาะคู่3คู่กลางรถ มีน้ำนั่งกับกี้คนสองคนนี้คู่กันเสมอ ส่วนแต๋นก็นั่งกับเฉิ่มตามภาษาคู่หูคู่ฮา ส่วนโจ้กับผมก็นั่งคู่กันที่ด้านหลังของคู่กี้กับน้ำ ขณะที่โอที่เป็นหัวหน้าห้องก็นั่งอยู่กับอาจารย์สมหมายที่ด้านหน้ารถ
ก็อย่างที่เคยบอกไปว่าผมไม่ได้สังเกตุความผิดปกติอะไรเลย ว่าคนในรถกว่าครึ่งมีอาการไอแบบแปลกๆ แต่เพราะในรถมีการร้องรำทำเพลงกันอย่างสนุกสนาน จึงทำให้ทุกคนไม่ได้สังเกตุความผิดปกติของเรื่องนี้นัก
"ไม่รู้ว่าที่นั่นจะหนาวรึเปล่า ลืมเอาเสื้อกันหนามมาซะด้วยสิ" น้ำพูดขึ้นมาระหว่างที่คนอื่นๆกำลังร้องเพลง
"ถ้าไม่มีมานอนกอดข้าก็ได้นะ ข้ายินดีเสียสละร่างกายให้แกเองน้ำ" เฉิ่มแซวออกมาดังๆเมื่อได้ยินน้ำพูด
"ลามก" น้ำด่าเฉิ่ม
"ลามกที่ไหน แกไม่เคยดูหนังกำลังภายในหรอ ที่เค้าเบ่งพลังลมปรานแบบนี้ไงล่ะ" เฉิ่มสั่งแต๋นให้เอาฝ่ามือทั้งสองข้างอิงบนหลัง ท่าทางเบ่งพลังแบบในหนังจีนกำลังภายใน
"อ่า พลังเจ้าช่างสุดยอดยิ่งนัก" เฉิ่มหันมาพูดกับแต๋นด้วยเสียงเก๊กหล่อ
"หามิได้ท่านจอมยุทธ์" แต๋นรับมุกอย่างรู้ใจ
"ปัญญาอ่อน" น้ำด่าคนทั้งสองท่ามกลางเสียงหัวเราะของพวกเราทุกคน
ราวๆเวลา8.30นาที รถทัวร์ก็แวะเข้าปั๊มน้ำมันเพื่อให้ทุกคนเข้าห้องน้ำและหาอะไรทานในช่วงสาย
"เป็นอะไรมากไหม" ผมเห็นอาจารย์สมหมายถามลุงคนขับรถที่ยืนไออยู่หน้ารถ อาการไอของเขารุนแรงจนน่ากลัว หน้าของเขาซีดเผือกและมีเหงื่อออกเป็นจำนวนมาก
"ไหวครับไม่มีปัญหา" ลุงคนขับรถบอกกับอาจารย์สมหมาย
"เอ็งดูซิว่ะน๊อต" ระหว่างที่ผมยืนดูอาจารย์สมหมายกับลุงคนขับรถคุยกัน โจ้ที่เป็นหนุ่มหล่อก็เดินมาเรียกผมให้ดูอะไรบางอย่าง
"ดูอะไร" ผมถามโจ้
"ก็ดูอาการของคนในรถเราซิ เกือบทุกคนไอออกมาตลอดทางเลย ขนาดน้ำยังไอไม่หยุดมาได้ซักพักแล้ว เห็นกี้พาไปซื้อยาแก้ไอมากินอยู่" โจ้บอกกับผม
"คงไม่เป็นอะไรมากหรอก" ผมบอกกับโจ้ก่อนที่เราจะขึ้นรถเดินทางกันต่อ
ช่วงหลังจากขึ้นรถมาได้ไม่นาน ทุกคนในรถต่างก็ไอกันหนักขึ้นเรื่อยๆ จนไม่มีใครร้องเพลงได้อีกแล้ว แม้แต่เพื่อนในกลุ่มของเราก็มีน้ำกับแต๋มที่ไอออกมาตั้งแต่รถเริ่มออกจากปั๊มมาได้ซักพัก
"เมื่อกี้ยังดีๆอยู่เลย เป็นอะไรของแกว่ะ" เฉิ่มบ่นออกมาดังๆด้วยความเป็นห่วงเพื่อนรักของตน ที่ตอนนี้เฉิ่มทั้งหน้าซีดอาเจียนและไอไม่หยุด
"กินยาไปแล้วไม่ดีขึ้นมาเลย" กี้บอกกับผมที่นั่งอยู่ข้างหลังเธอ เมื่อน้ำยังไออยู่ตลอดซึ่งดูท่าจะหนักกว่าเดิมเรื่อยๆ ไม่ต่างกับเฉิ่มและเพื่อนคนอื่นๆที่ตอนนี้ดูอาการน่าเป็นห่วงกันทุกคน
เพื่อนในห้องคนอื่นๆที่ไม่ได้เป็นอะไร ก็มาช่วยกันดูแลเพื่อนๆในรถเท่าที่ทำได้ ตอนนี้จากความสนุกที่เคยมีเปลี่ยนเป็นความวุ่นวายของคนป่วยที่อยู่ในรถแทน
"ไปบอกอาจารย์ให้พาทุกคนไปหาหมอดีกว่า" ผมพูดกับเพื่อนๆ แต่ไม่ทันขาดคำที่ผมจะพูดจบ จู่ๆรถก็เริ่มส่ายไปมาบนท้องถนนจนพวกเรากระเด้งไปมาตามแรงสะบัดของรถ
"กรี๊ดดดด ว๊ายยยยย เฮ้ยยยย!!!!" นักเรียนทั้งชั้นต่างพากันร้องโวยวายออกมาด้วยความตกใจ เมื่อรถเอนส่ายไปมาสภาพเหมือนคนขับจะเมาเหล้า
ตัวรถทัวร์ส่ายเอนข้ามเลนส์ไปอีกฝั่ง ก่อนจะเลี้ยวกลับมาที่เลนส์เดิมอย่างน่าหวดเสียว โชคดีที่ทางขึ้นเขาใหญ่ตอนนี้ไม่มีรถวิ่ง ไม่งั้นรถเราคงเกิดอุบัติเหตุไปแล้ว
"คนขับเป็นบ้าอะไรว่ะถึงขับรถแบบนี้" โจ้พูดกับผมด้วยความโมโห
"จับเบาะเอาไว้แน่นๆ เดี๋ยวข้าไปดูเอง!!!" ผมตะโกนบอกโจ้ระหว่างที่ตัวเองพยายามจะไปเดินไปที่หน้ารถ เพื่อดูว่าคนขับเป็นอะไรถึงขับรถส่ายไม่มาแบบนี้
"เฮ้ยยยยย!!!!" รถส่ายเอนอีกครั้งจนผมหัวทิ่ม
รถทัวร์ของเราส่ายไปมาซักพักบนถนน จู่ๆก็มีรถสิบล้อที่น่าจะมีอาการเดียวกันพุ่งจากอีกเลนส์นึงของถนน มาชนเราอย่างแรงที่ด้านหน้าของรถทัวร์ฝั่งคนขับ ทำให้รถเสียหลักพุ่งลงข้างทางที่เป็นป่าเหวรกทึบตามแรงชนของรถ
รถของพวกเราพุ่งลงเนินที่เป็นป่าอย่างรวดเร็วจนแทบตั้งตัวไม่ทัน ผมมองไปที่ด้านหน้าของรถ ลุงคนขับนั้นเสียชีวิตคาพวกมาลัยไปแล้ว พร้อมกับเพื่อนอีกสองคนที่นั่งอยู่ด้านหลังคนขับถูกอัดก๊อปปี้จากรถสิบล้อชนเมื่อกี้จนร่างบี้เละคาที่นั่ง
"อุ๊บ!!!!" ผมแทบอ้วกออกมาด้วยความตกใจเมื่อเห็นสภาพศพเพื่อนที่ตายตรงหน้า
"ก๊ากกกกก ก๊ากกกก" และตอนนั้นเอง จู่ๆเพื่อนหลายคนก็ร้องเสียงแหลมออกมาด้วยดวงตาที่ขาวขุ่น คนที่เป็นอาการนี้คือคนที่ไอออกมาในตอนแรก ซึ่งก็รวมถึงแต๋มกับน้ำด้วย ทั้งคู่พยายามจะเข้ามาทำร้ายคนที่นั่งข้างๆเหมือนคนบ้า ขณะที่รถเองก็ส่ายไปมากระทบซ้ายกระทบขวาระหว่างพุ่งลงเนินเหว
"กรี๊ดดดดด อย่านะ!!! ก๊ากกกก ก๊ากกกก!!! อ๊ากกกกก!!!" เสียงร้องด้วยความตกใจของเพื่อนๆ เปลี่ยนเป็นเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดทรมาณ และเสียงร้องของเพื่อนที่ป่วยเป็นโรคประหลาด ที่ตอนนี้คนเหล่านั้นลุกขึ้นมาทำร้ายคนที่ไม่เป็นอะไรอย่างบ้าคลั่ง
ผมเห็นเอกกำลังถูกไอ้ดำเพื่อนที่นั่งข้างๆเอานิ้วโป้งทั้งสองข้างจิกเข้าไปในตาของเอกจนเลือดไหล เอกร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ขณะที่อีกฝั่งนึงปานก็กำลังกัดหูข้างซ้ายของอั่มขาดกระเด็นก่อนจะมากัดมือของอั่มที่เอามาปัดจนนิ้วก้อยขาดกระเด็นเข้าไปในปากของปาน
"กรี๊ดดดดดด" กี้ร้องออกมาเสียงดังเมื่อจะถูกน้ำที่เป็นลูกพี่ลูกน้องของตนทำร้าย ผมเห็นโจ้มาช่วยจับน้ำเอาไว้จนโจ้ถูกน้ำกัดที่มือข้างซ้ายจนเลือดไหล
และวินาทีนั้นเองที่ผมจะวิ่งไปช่วยกี้ จู่ๆรถทัวร์ของเราก็เกิดพลิกคว่ำตีลังกาหลายตลบขณะที่พวกเราทั้ง43คนยังอยู่ในรถ....
"พรึ๊บ.....!!!!" ช่วงวินาทีเป็นวินาทีตายที่อยู่ในรถที่กำลังตีลังคว่ำ จู่ๆก็เหมือนมีคนปิดสวิทช์ไฟ ความมืดก็เข้ามาปกคลุมตรงหน้าผมก่อนที่ผมจะสลบไปในที่สุด....
"เฮ้ยไอ้น๊อต!!!! เฮ้ยตื่น!!!!" เสียงเรียกของใครบางคนปลุกผมให้ตื่นจากการหลับไหล
ผมรู้สึกตัวขึ้นมาในรถที่พลิกค่ำหงายท้องอยู่ในป่า ข้างๆผมมีโจ้ที่นอนบาดเจ็บอยู่และห่างออกไปไม่ไกลผมก็พบน้ำนอนคอหักร่างบิดผิดรูปอยู่ในรถ พร้อมกับศพเพื่อนๆคนอื่นในห้อง
"แกเป็นอะไรรึเปล่า" ผมถามโจ้แต่เค้าเอามมือปิดปากผมไม่ให้พูด
โจ้ชี้ไปที่ด้านนอกรถที่มีเท้าของคนที่เดินผ่านไป ดูจากสภาพขาที่มีแผลแหวะกับกางเกงที่ขาด ผมคิดว่าน่าจะเป็นเพื่อนในห้องที่รอดชีวิต แต่โจ้กลับให้ผมเงียบเสียงแทนที่จะบอกให้ผมเรียกคนๆนั้นมาช่วยเรา
"ก๊ากกกกก ก๊ากกกก" คนๆนั้นที่ยืนนอกรถจู่ๆก็ร้องออกมาเสียงดังก่อนจะวิ่งเข้าไปในป่า
"นั่นมันอะไรว่ะเนี้ย!!!!" ผมถามโจ้ด้วยความตกใจ
"ถามข้าแล้วข้าจะรู้ไหมล่ะ!!!!" โจ้บาดเจ็บที่ท้องมีเลือดไหลออกมาจากการกระแทก ส่วนผมโชคดีไม่เป็นอะไรมากนอกจากหัวแตกนิดหน่อยเท่านั้น
"เราต้องออกไปจากที่นี่ไปขอความช่วยเหลือ" ผมบอกกับโจ้
"จะบ้ารึเปล่า!!!! แกไม่เห็นข้างนอกเมื่อกี้รึไง!!! ตอนนี้เพื่อนๆในห้องของเรากลายเป็นตัวอะไรไปแล้วก็ไม่รู้ หลายคนกลายเป็นบ้าไล่ฆ่ากินกันเองอย่างกับในหนังซอมบี้ ออกไปตอนนี้ก็เท่ากับตายอย่างเดียว" โจ้บอกกับผมด้วยสีหน้าซีดเผือกและไอออกมาเป็นระยะ
"กรี๊ดดดดด" มีเสียงร้องดังๆขึ้นมาในป่าระหว่างที่เรากำลังเถียงกัน
"อาจจะมีคนรอดชีวิตข้าจะไปดูเอง!!!!" ผมบอกกับโจ้
"นี่ไม่ใช่เวลามาเป็นพระเอกนะโว้ย!!!! ขืนออกไปแกคงถูกเพื่อนๆที่เป็นบ้าไล่กินแน่ๆ แกไม่ใช่พระเอกในหนังซอมบี้นะเว้ยที่จะไปช่วนางเอก!!!" โจ้เตือนสติผม
"แต่นั่นเพื่อนร่วมชั้นเรานะ!!! ข้าทนไม่ได้หรอก!!!" ผมพูดไม่ทันจบก็รีบคลานออกมาจากรถทันทีโดยไม่ฟังเสียงคัดค้านของโจ้แม้แต่น้อย
"กรี๊ดดดดด!!!" เสียงร้องดังขึ้นอีกครั้งที่ด้านในของป่า ผมหันซ้ายหันขวาก่อนจะเห็นท่อนไม้ยาวๆอันนึง จึงเอามาเป็นอาวุทก่อนจะวิ่งไปตามเสียงร้องนั่น
ผมวิ่งตามเสียงร้องไปในป่า จนกระทั่งผมเห็นแต๋นกำลังขึ้นคร่อมทับร่างบีบคอของนุกอยู่ในป่า
"ก๊ากกกกก ก๊ากกกกก" แต๋มร้องออกมาเสียงดัง ก่อนจะก้มหน้าลงมากัดนุกที่จมูกเลือดพุ่งกระฉูดเต็มหน้าของแต๋ม และเสียงร้องของแต๋มก็เรียกอาจารย์สมหมายกับปลาที่วิ่งมาจากไหนไม่รู้ มาสมทบรุมกัดกินฉีกร่างนุกกินอย่างหิวโหย โดยที่ผมไม่สามารถช่วยอะไรเธอได้เลย
ผมที่ทำอะไรไม่ถูกได้แต่ยืนช๊อคอยู่ตรงนั้น
"ก๊ากกกกก" และไม่ทันตั้งตัว จู่ๆฟางเพื่อนสาวร่วมชั้นของผม ก็วิ่งมาจากไหนไม่รู้ มากระแทกเข้ามาใส่ผมจากทางด้านหลังอย่างแรงจนผมล้มลงบนพื้น และถูกเธอขึ้นคล่อมกะจะกินผมแบบที่นุกโดน
"ฟางนี่้เราเองน๊อต!!!! จำไม่ได้หรอ!!!" ผมตะโกนเรียกสติของเพื่อนสาว มือทั้งสองข้างของผมบีบคอของฟางเอาไว้เพื่อกันเธอเข้ามากัดผม ซึ่งด้วยความที่ผมเป็นผู้ชายจึงพอมีแรงรั้งฟางที่เป็นสาวน้อยร่างเล็กไว้ได้ แต่การดิ้นรนอย่างสุดตัวของฟางที่จะกินผม บวกกับการตกใจจนทำอะไรไม่ถูกจึงอาจจะทำให้ผมถูกฟางกัดอย่างแน่นอนในอีกไม่ช้า
"พลั๊ก!!!!" เสียงของท่อนไม้ที่ฟาดลงบนหัวของฟางจนเธอกระเด็นล้มลงชักบนพื้น คนที่มาช่วยผมคือโอหัวหน้าห้องนั่นเอง
"เป็นอะไรไหม!!!" โอถามผมด้วยความเป็นห่วง
สภาพของโอนั้นมอมแมมเต็มไปด้วยบาดแผลไม่ต่างจากผมเลย
"รีบหนีกันก่อนเถอะ!!!" ผมคว้ามือของโอรีบพาเขาออกจากตรงนั้น ก่อนที่อาจารย์สมหมายกับแต๋มที่อยู่แถวนั้นจะรู้ว่าเราสองคนอยู่ที่นี่
"คนอื่นเป็นไงบ้าง" เมื่อหลบออกมาจนเราสองคนคิดว่าปลอดภัย โอจึงถามผมเรื่องเพื่อนๆ
"น้ำตายแล้วส่วนแต๋นก็กลายเป็นผีดิบ ส่วนโจ้ก็นอนบาดเจ็บอยู่ในรถ เราออกมาตามเสียงร้องจนนายมาเจอเรานี่ล่ะ" ผมบอกกับโอ
ตอนนี้ผมรู้สึกสับสนจนทำอะไรไม่ถูก
"งั้นก่อนอื่นเราก็ควรไปช่วยโจ้ก่อน แล้วหาทางขึ้นไปบนถนนเพื่อหาคนมาช่วย" โอบอกกับผมอย่างมีสติ
"ดะได้" ผมรับคำของโอด้วยความรู้สึกโล่งอก ที่มีเพื่อนที่พึ่งพาได้อย่างโออยู่ตรงนี้
"ตูม!!!!" แต่ไม่ทันที่เราจะไปถึงรถทัวร์ที่คว่ำ จู่ๆรถก็ระเบิดออกมาอย่างแรงจนเราสองคนตกใจยืนอึ้งทำอะไรไม่ถูก
"โจ้...!!!" ผมตะโกนออกไปด้วยความเสียใจ และคิดจะวิ่งไปที่รถเพื่อไปดูว่าโจ้ปลอดภัยดีไหม
"อย่าไปนะ!!! ไม่แน่คนพวกนั้นอาจจะไปตามเสียงระเบิดเหมือนเรา ถ้าไปเราอาจจะโดนพวกนั้นจับกินได้" โอก็ห้ามผมเอาไว้
"ก๊ากกกก ก๊ากกกกก!!!" โอพูดไม่ทันจบเราสองคนก็ได้ยินเสียงร้องดังขึ้นมาในป่าตรงจุดที่รถระเบิด
เราสองคนตกลงจะวิ่งอ้อมรถที่ระเบิดอย่างช้าๆ เพื่อระวังการปะทะของเพื่อนๆที่กลายเป็นบ้า ระหว่างทางที่เราเดินไปก็พบศพของเพื่อนๆนอนตายเป็นระยะ และหลายคนก็กลายเป็นผีดิบในสภาะครึ่งท่อนบ้างขาขาดแขนขาดบ้างตามทาง เราสองคนจึงสามารถหนีมาได้
"ถ้าเราเดินตรงขึ้นไปก็น่าจะไปถึงถนนได้" โอบอกผมระหว่างเดินในป่า
และตอนนั้นเองจู่ๆโทรศัพท์มือถือของผมก็ดังเป็นข้อความเสียงของไลน์(LINE)
"กี้ไลน์มา!!!!"ผมบอกกับโอด้วยความดีใจ
"ทุกคนมีใครอยู่บ้าง ตอบด้วย" กี้ส่งข้อความกลุ่มในไลน์ผ่านทางโทรศัพท์มือถือ
"อยู่เรากับโอยังมีชีวิตอยู่ เธออยู่ที่ไหนกี้" ผมเขียนถามไป
"ดีจัง ตอนนี้เราอยู่ใกล้ๆรถที่ระเบิด เฉิ่มก็อยู่กับเราเขาอาการไม่ค่อยดีเลย มาช่วยกันหน่อยซิ" กี้บอกผม
"ได้เราจะรีบไป" ผมกดข้อความตอบกลับไป
"เราควรไปช่วยเธอ" ผมบอกกับโอ
"แต่ที่นั่นมันอันตรายเกินไป นายก็เห็นว่าที่นั่นมีแต่พวกมันเต็มไปหมด ไปก็ไม่มาทางรอด" โอบอกกับผม
"แต่นั่นเพื่อนของเรานะโว้ย แกจะไปก็เชิญ แต่ข้าจะไปช่วยเพื่อน!!!" ผมตะโกนค้านสิ่งที่โอบอก ซึ่งแม้มันจะมีเหตุผลแต่บ้างสิ่งบางเรื่องก็ไม่มีเหตุผลที่เราจะทำมันลงไป
"งั้นเอาแบบนี้ นายไปช่วยกี้กับเฉิ่ม เดี๋ยวข้าจะไปขอความช่วยเหลือ ถ้ามีอะไรก็ติดต่อมาทางไลน์แล้วกัน" โอบอกผม
"ได้แล้วเจอกัน" เราสองคนแยกกันไปคนล่ะทางเพื่อหาทางเอาตัวรอด
ผมหาท่อนไม้อันยาวมาเป็นอาวุทระหว่างเดินกึ่งวิ่งไปหากี้กับเฉิ่ม ตอนเดินไปผมก็นึกถึงคำที่โจ้พูดกับผมว่า อย่าทำตัวเป็นฮีโร่เพราะจะตายเอาเปล่าๆ แต่ผมกลับคิดตรงข้ามในตอนนี้ ผมกลับคิดว่า ถ้าจะให้ตายก็ขอตายโดยที่ได้ปกป้องคนที่รักก็ไม่เสียชาติเกิด
ตอนนี้เป็นเวลาประมาณเที่ยงเศษๆ อากาศร้อนอบอ้าวแบบสุดๆ แสงแดดและความร้อนทำให้ผมแทบหมดแรงระหว่างเดินกึ่งวิ่ง แต่เพราะกำลังใจที่จะได้ไปช่วยคนที่ผมรัก ผมจึงยังคงมีแรงฮึดเดินต่อไป
"แคร๊กๆ ซวบๆๆ" เสียงของฝีเท้าที่ย่ำบนใบไม้วิ่งมาทางผมเสียงดัง วินาทีนั้นผมพยายามตั้งสติมือกำไม้จนแน่นเพื่อเตรียมพร้อมที่จะสู้ตายกับสิ่งที่กำลังวิ่งมาหาในอีกไม่ช้า
"สู้ตายยยยย!!!!" ผมตะโกนในใจออกไปอย่างสุดเสียงเพื่อเตรียมพร้อม
"ก๊ากกกก ก๊ากกกก" เสียงร้องของเฉิ่มที่กลายเป็นผีดิบพุ่งมาใส่ผมอย่างรวดเร็วจนผมแทบตั้งตัวไม่ทัน
"เฮ้ย!!!" ผมฟาดไม้ออกไปอย่างแรงด้วยความตกใจสุดขีด ไม้ฟาดลงบนหัวของเฉิ่มเต็มแรงจนมันนอนชักอยู่บนพื้น
"บ้า....!!" ผมอุทานออกมาด้วยความตกใจเมื่อรู้ว่าคนที่ทำร้ายลงไปคือเฉิ่ม ซึ่งก็หมายความว่ากี้ที่อยู่ด้วยกับเฉิ่มอาจจะเป็นอันตราย ผมจึงรีบวิ่งออกตามหากี้ทันที
"กี้!!! กี้!!! เธออยู่ไหน!!!" ผมตะโกนเรียกกี้ในป่า แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือเพื่อนๆที่กลายเป็นผีดิบวิ่งมาหาผมแทน
เสียงเป็นสิ่งที่ดึงดูดคนพวกนี้อย่างที่โอบอกจริงๆ
"บ้าชิบ!!!" ผมถูกอาจารย์สมหมายกับเพื่อนอีกสองคนล้อมดักอยู่
มันเป็นอะไรที่เสี่ยงมากๆเมื่อต้องเผชิญหน้ากับคนบ้าถึงสามคนพร้อมกัน
"ก๊ากกกกก" อาจารย์สมหมายพุ่งเข้ามาหาผมคนแรก ซึ่งเป็นจังหวะที่ผมรอเตรียมพร้อมพอดี จึงฟาดท่อนไม้ไปโดนหัวอาจารย์สมหมายทันที จนเขาล้มลงไปนอนกองพื้น
"ก๊ากกกกก ก๊ากกกก" เมื่อได้จังหวะผมก็ไม่รอช้ารีบวิ่งหนีออกจากตรงนั้นทันที
"น๊อต....!!!!" เสียงกี้ดังขึ้นมาจากบนต้นไม้บนหัวผมระหว่างที่ผมวิ่งผ่านมา
"กี้ปลอดภัยนะ" ผมเงยหน้าถามเธอด้วยความโล่งอก
"ขึ้นมาเร็วเข้า สองคนนั้นวิ่งตามมาแล้ว" กี้บอกผมด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
ผมรีบปีนต้นไม้ไปหากี้ที่นั่งอยู่บนกิ่งไม้ เราสองคนนั่งอยู่บนต้นไม้ดูเพื่อนๆที่กลายเป็นผีดิบวิ่งผ่านไปมาที่ใต้ต้นไม้โดยไม่เห็นเราสองคน
"น๊อตนี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมจู่ๆเพื่อนๆถึงเป็นแบบนี้ล่ะ" กี้ถามผม
"เราเองก็ไม่รู้เหมือนกัน" ผมตอบด้วยความสิ้นหวัง
"แต่เราก็ดีใจนะที่เจอน๊อต เราดีใจมากที่น๊อตยังมีชีวิตอยู่" กี้พูดยิ้มๆกับผม
"เราก็ดีใจ" ผมยิ้มตอบเมื่อกี้พูดแบบนี้กับผม
"แล้วเราจะเป็นยังไงต่อไป ตอนนี้ในกรุงเทพจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ ทั้งพ่อแม่น้องสาวเราด้วย" กี้พูดเสียงสลดด้วยความเป็นห่วง "เมื่อกี้เราเช็คที่เฟสบุ๊ค ทุกที่มีแต่ความวุ่นวายไปทั่วโลก ไม่รู้ว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้นนะถึงได้เป็นแบบนี้"
"นั่นซิ" ผมตอบไปโดยที่ทำอะไรไม่ถูก ผมอยากจะจับมือของกี้แล้วปลอบใจแต่ไม่กล้า
ตอนนั้นเองโอที่แยกกันไปก็ไลน์มาหาเราสองคน
"ขึ้นมาบนถนนใหญ่ได้แล้ว ตอนนี้แอบอยู่ในรถที่ปั๊มน้ำมัน ถ้ายังไม่ตายก็รีบมา" โอบอกกับเราสองคนทางไลน์
"รีบไปกันเถอะ" ผมบอกกับกี้
"จ๊ะ" กี้จับมือผมเราสองคนสบตากันเล็กน้อยก่อนจะลงจากต้นไม้
เมื่อลงจากต้นไม้ผมกับกี้ก็รีบวิ่งไปตามทางที่ผมกับโอแยกกัน ระหว่างทางเราสองคนก็พยายามหลบเพื่อนๆที่เป็นผีดิบที่มาทำร้าย จนกระทั่งใกล้ถึงถนนใหญ่เราสองคนก็เห็นเพื่อนๆอีกหลายคนที่เป็นผีดิบยืนดักรอเราอยู่บนถนน
"ก๊ากกกกก ก๊ํากกกก" ทุกคนร้องเสียงดังชี้มาทางผมกับกี้เมื่อเห็นเราสองคน
"วิ่ง!!!" ผมบอกกี้ให้วิ่งขณะที่ผมยืนถ่วงเวลาเอาไว้เพื่อให้เธอรอดชีวิต
เวลาถึงที่สุดมนุษย์เราจะเผยธาตุแท้ออกมา และนี่คงเป็นธาตุแท้ของผม ธาตุแท้ของคนโง่ที่ปกป้องคนที่ผมรัก
วินาทีที่กี้วิ่งไปผมอยากจะบอกเธอว่ารักแทนคำว่าวิ่ง แต่ใครจะพูดคำนั้นได้กัน....
กี้วิ่งหนีไปที่ปั๊มเพื่อหาโอ ขณะที่ผมพยายามต่อสู้กับเพื่อนๆทั้งคนที่จะมาทำร้าย
"อย่าเข้ามานะ" ผมฟาดไม้ใส่แก้มที่พุ่งเข้ามา แต่เธอหลบได้ขณะที่เพื่อนคนอื่นอีก2คนก็รอจังหวะกระโดดเข้ามาเมื่อมีโอกาส
ไม้ท่อนเดียวสู้กับคนบ้ากระหายเลือด3คน มันเป็นอะไรที่บ้าบิ่นและไม่มีทางรอดอย่างแน่นอน
"ไม่รอดแน่งานนี้" ผมคิดในใจเมื่อเห็นสามคนวิ่งมาพร้อมกัน
"ลาก่อนนะกี้" ผมหลับตายอมรับความจริงตรงหน้า
"เอี๊ยดดดดด โครม!!!" แต่วินาทีนั้นเองที่สามคนวิ่งมาหาผม พวกเขาก็ถูกรถเก๋งสีดำขับชนกระเด็นปลิวไปข้างทาง
"ขึ้นรถเร็วเข้า!!!!" กี้ที่อยู่ในรถบอกกับผม เธอขับมาช่วยผมโดยที่มีโอนั่งอยู่ที่เบาะหลัง
ผมรีบขึ้นรถกี้จึงขับรถออกไปทันทีทิ้งทั้งสามคนให้วิ่งตามรถของเรา....
"ขอบคุณที่ช่วยนะ"ผมบอกกี้ด้วยท่าทางโล่งอก
"เราซิต้องขอบคุณน๊อต ไม่ได้น๊อตเราคงไม่รอดมาถึงที่นี่แน่ๆ ขอบคุณนะ" กี้จับมือแล้วยิ้มให้ผม
"เออๆ เป็นพระเอกนางเอกเข้าไป ไม่ขอบคุณข้าเลยนะที่หารถในปั๊มมาได้" โอแซวเราสองคนที่หน้าแดงด้วยความเขิลอาย
"แล้วจะเอายังไงต่อ" กี้ถามผมกับโอ
"กลับไปกรุงเทพ ไปหาครอบครัวของเรากัน ป่านี้พวกเขาคงเป็นห่วงพวกเราอยู่แน่ๆ"ผมบอกกับกี้
"โอเคงั้นไปกันเลย" กี้เหยียบคันเร่งผ่านถนนที่เต็มไปด้วยรถที่จอดทิ้งไว้และพวกผีดิบที่วิ่งตามท้องถนน
ผมเองก็ไม่รู้หรอกนะว่าต่อไปพวกเราสามคนจะเป็นยังไง ตอนนี้ขอแค่มีกี้อยู่ด้วยผมก็พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องเธอ....
จบ



ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น